บล็อกจับฉ่ายนายวีวี่คลุงซ์

"Because the story on your life never end."
Follow Me
เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง (จากที่เขียน) ก็จะเป็นปีใหม่ตามสากลโลกละ ตั้งแต่ขึ้นปี 1 ก็คิดว่าชีวิตในช่วงข้ามปีเก่ากับใหม่ของข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีความหวือหวาเหมือนแต่ก่อน ส่วนใหญ่ไม่อยู่บ้านเล่นคอมข้ามปีก็โดนครอบครัวลากไปเที่ยวแล้วไปจบที่บ้านย่าเสมอ ซึ่งปีนี้ก็เช่นกัน... เขียนบล็อกอยู่ที่บ้านย่าด้วย AIS 3G (น้ำตาจะไหล ของเค้าดีจริงๆ T^T) ซึ่งมันก็ซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้แหละ ก็หวังใจว่าปีใหม่ต่อๆ ไปจะได้เปลี่ยนมุมมองตามชีวิตที่อยากจะทำกับเค้าซักที อยากไปกระโดดข้ามปีที่ลาว หรือไปหนาวข้ามปีที่ดอยไหนซักแห่ง

คนอื่นอาจจะเขียน Year In Review ของแต่ละคนไปละว่าที่ผ่านมาเขาทำอะไรบ้าง สำหรับของเราก็รอไปก่อนนะ พอดีอยากลองฝีมือทำเว็บเจ๋งๆ ซักหน่อย คาดว่าไม่เกินอาทิตย์นี้จะเสร็จ แต่ก็สรุปเป็นคำพูดหน่อยนึงก็ได้ว่า "ปีมหาโหด" ทั้งปีได้พักแบบเที่ยวจริงๆ ไม่กี่ครั้งเองมั้ง ทำ Senior Project กับฝึกงานนี่ก็จะไม่มีแรงละ (อ่านบันทึกเด็กฝึกงานได้ที่นี่) แถมเป็นปีที่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบเต็มสตรีมมาก หลังตรุษจีนแก้งชงปั๊บ ป่วยแบบจะตายเลย (สาระเลยนะ มีวันนึงตัวร้อนแบบจะระเบิดอะ นอนบนเตียงไมาได้เลย เหงื่อออกแฉะไปหมด) กลางปีมรสุมโปรเจค ก่อนฝึกงานรถล้มเย็บไป 3 เข็ม นะ...

พอเราผ่านพ้นเรื่องเรียนมาตามที่พ่อแม่คาดหวังไว้ให้มีวิชาชีพติดตัว หลายคนอาจจะแบบ เฮ้ย! จบแล้ว สบายแล้ว หางานทำได้แล้วสิ สำหรับเรานะ ชีวิตหลังเรียนจบสิ ลำบากกว่าเรียนอีก ไหนต้องตั้งหลักให้ดีว่าจะเริ่มทำงานยังไง หรือจะเรียนต่อมั้ย พอเข้าสู่ช่วงคาบเกี่ยวระหว่างผู้ใหญ่กับวัยรุ่นตอนท้ายก็ต้องคิดอีกว่าจะวางแผนชีวิตยังไงให้ไม่เหนื่อยตอนแก่ เห็นมั้ยหละ เรียนจบแล้วไม่ใช่ว่าสบายเลยนะพวกเจ้าเอ๋ย

เริ่มต้นปีหน้าเลยเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะได้พักกับเค้าซักดี ก็เลยว่าจะใช้เวลาของเดือนมกราคมพักให้เต็มที่ คือตอนนี้วางแผนเริ่มหางานทำในกรุงเทพยากมากกกกก สถานการณ์บ้านเมืองมันทำให้เราพลอยลำบากไปซะงั้น T_T นั่นแหละ เดี๋ยวขอพักก่อนแล้ว ค่อยเริ่มออกหางานใหม่ตอนเดือนกุมภาพันธ์ละกัน (ส่วนบริษัทชื่อดังย่านอโศกที่ไปสัมภาษณ์มานั่น ไม่เอาละ -*-) แล้วก็จะเริ่มต้นใช้ชีวิตเป็นคนทำงานซักที แล้วจะฟิตหุ่นให้ดีกว่านี้ เห็นพุงตัวเองกับสภาพหน้าอันปรุประแล้วก็ได้แต่ยืนไว้อาลัยสามวิ แล้วก็จัดการชีวิตให้ดีขึ้น ที่แน่ๆ ต้องเป็นมนุษย์ผู้เซฟมันนี่ให้ได้ อยากเก็บเงินให้ได้ซักก้อนแล้วเอาไปซื้อของที่อยากได้ เครื่องเกมเอย เที่ยวเอย ซ่อมบ้านให้พ่อกับแม่เอย อุวะฮ่าฮ่า (ได้แต่มโนไปเอง orz)



ปีหน้าก็ขออวยพรให้ตัวเองและผู้อ่านบล็อกกิ๊กก๊อกของผมทุกๆ ท่านให้มีความสุข แข็งแรง คิดอะไรได้ยังงั้น เรื่องร้ายในปีเก่าหนักหนาแค่ไหน ขอให้ปีใหม่นี้ดีขึ้น ดีขึ้น ดีขึ้นไปอีก หมดเคราะห์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย สรรพเคราะห์ เสียดจัญไร วิวัญชัยเย~ (เดี๋ยวๆ ผิดละ) ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามอ่านบล็อกนี้กันมาโดยตลอดนะครับ ปีหน้าสัญญาว่าจะเขียนให้เยอะกว่าเดิมละ ที่เขียนน้อยไม่ใช่อะไรหรอก ขี้เกียจ 5555 ก็ว่าจะยำหมดเลยนะ ทั้งเรื่องเทคนิคการเขียนโปรแกรม เรื่องทั่วไป หรือจะบ่นอะไรเดี๋ยวจะมาเขียนเยอะๆ เป็นการเตือนความจำให้ตัวเองในระดับหนึ่งด้วย ที่สำคัญ แนวเขียนของผมก็จะยังงี้แหละ มั่วไป วนมา สาระน้อยมาก 555 ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอีกครั้งนึงนะครับ

วั ดี ปี ม่ :  

จริงๆ เจ้า Emoji หรือตัวการ์ตูนแสดงอารมณ์ที่เราเห็นกันบ่อยๆ มันดันมาเกิดตอนอยู่ักับ iOS ทีนี้พวกมือถือ Android รวมถึงหลายๆ OS ก็ดันแสดงผลตามไม่ได้ซะงั้น แต่ Android อัพเดทใหม่ตอนนี้ก็แสดงผลเป็นตัว Android สีดำได้ละ ทีนี้ปัญหามาเกิดกับคนใช้ PC อีก เพื่อนก็ชอบส่ง Emoji ผ่าน iPhone ใน Twitter มาจัง เราก็ดูไม่ได้ ถ้าใน Mac ก็ยังแสดงผลเป็นรูปเลย แต่ Windows กับ Linux นี่สิเป็นกล่องสี่เหลี่ยม มองไม่ออกเลย ทำยังไงดี เมื่อวานเลยลองหา Extension ใน Google Chrome ดู ปรากฎว่าเจอเจ้านี่ครับ

Chromoji - Emoji for Google Chrome


Extension ตัวนี้ไม่มีอะไรมากครับ แค่ติดตั้งลงใน Google Chrome แล้วลองเปิดหน้าจอที่มี Emoji ดู ก็จะแสดงออมาเป็นรูปให้เราเหมือนที่ iOS กับ Mac เห็นเลยหละครับ!
ก่อนลง Extension

หลังลง Extension
ส่วนการตั้งค่าก็สามารถเลือกตั้งค่าให้แสดงผลได้ว่าจะขนาดเท่าไหร่ หรือจะแสดงผลแบบ Native Font (คือการแสดง Emoji ในรูปแบบตัวอักษร) หรือจะใส่ Filter ได้ว่า คำไหนไม่ให้แสดง Emoji ก็ทำได้เช่นกัน


ใครกำลังประสบปัญหานี้อยู่ก็ลองติดตั้ง Chromoji ลงใน Google Chrome ดูนะครับ จะได้ไม่ต้องพบเจอกับกล่องสี่เหลี่ยมที่คาดเดาไม่ได้ซักที :3

ปล. หากใครอยากพิมพ์ Emoji ใน PC บ้าง เว็บ http://fsymbols.com/emoji/ จะรวม Emoji ทั้งหมดไว้ การใช้งานก็แค่คลุมตัว Emoji แล้วก๊อปมาแปะ ก็จะแสดงผลได้เหมือนกันครับ

สัปดาห์ที่ 16 [Final]

  • ต้องขอโทษด้วยที่อัพตอนที่ 16 ช้ามาก คือพอฝึกงานเสร็จ อะไรๆ ก็ถูกลืมไปเรียบร้อย... (ขอโทษค๊าบ T_T)
  • สัปดาห์สุดท้าย อะไรก็ต้องไฟลนก้นสุดๆ พอดีสัปดาห์นี้มันมีวันหยุดคือวันพ่อ 5 ธันวาด้วย ฉะนั้น ทั้งอาทิตย์ก็เลยทำโปรเจคแบบสุดฤทธิ์มาก อย่างน้อยๆ กลับมอก็ต้องมีอะไรติดมือติดมือกลับไป ผลสุดท้ายก็เสร็จเรียบร้อย ได้เวอร์ชั่น Beta ใช้งานได้ละ ทีนี้ก็เหลือไปตบตีกับโฮสก็พอ
  • และด้วยความที่วันหยุดมันตรงกับวันพฤหัส แล้วก็วันศุกร์ทำงาน พี่ๆ ในแลปหลายๆ คนก็เลยลากันไปเยอะ ทำให้ก็มีพี่เลี้ยง พี่หัวหน้าแลป พี่โปรแกรมเมอร์และพี่แชมป์ไปเลี้ยงส่งเราที่ร้านครัวบ้านจิบ อร่อยมว๊ากกกก โฮฮ แล้วร้านอยู่แถวหอพอดีอีก เพิ่งมารู้ว่ามันมีร้านอาหารอร่อยอยู่ตรงนี้วันสุดท้ายพอดี เสียดาย...
โดยรวมถือว่าการฝึกงานทั้ง 16 สัปดาห์ของผมก็เรียบร้อยไปด้วยดีครับ สำหรับใครที่อยากเลือกมาฝึกงานอยู่ที่ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) จังหวัดปทุมธานี ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ตัวงานจะออกแนวเป็นทั้งการวิจัยและการพัฒนา และมีแลปหลากหลายมาก ฉะนั้น คุณควรมีความรู้มาพอตัว การฝึกสอนงานจากพี่เลี้ยงก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่ผมเจอนะ ต้องทำงานได้เกือบทุกด้านเลยหละ อย่างมินิโปรเจคที่ทำก็ออกแบบ เลือกเครื่องมือและจัดการทุกอย่างเองหมด อ้อ การเข้าไปขอฝึก ถ้ารู้จักกับคนในแลปที่เราสนใจก็จะสบายนะครับ อาจจะติดต่อง่ายเหมือนของผมกับพี่แชมป์ (@sitdh) ก็ติดต่อกันมาตรงๆ ซึ่งเหตุผลของการเลือกฝึกงานที่นี่ แค่อยากรู้เรื่องรูปแบบการทำงานของที่นี่ ซึ่งก็รู้จนถ่องแท้เรียบร้อย ส่วนบรรยากาศที่ทำงาน พี่ๆ เป็นกันเอง แต่ส่วนใหญ่ก็นั่งแก่วกันอยู่หน้าคอมเพื่อทำงานกันทั้งวัน เข้างาน 8 โมงเช้า เลิกงาน 5 โมงเย็น ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวก ถ้าอยู่หอแถวๆ นั้น สบายมากๆ ออกกำลังกายหรือหาข้าวกินในตัวมหาลัย นั่งรถเข้ากรุงเทพสบายๆ (เดี๋ยวจะมีรีวิวหอกอล์ฟวิวที่อยู่ตอนฝึกงานด้วย คอยติดตามกัน รับรองว่ารีวิวนี้จะเผ็ดร้อนแน่นอน หึหึ)

ก็ถือเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจฝึกงานทั้ง 16 สัปดาห์ ตั้งแต่ 19 สิงหาคม - 6 ธันวาคม 2556 อย่างแท้จริง เพราะเมื่อวันที่ 12 ธันวาก็รายงานจบไปเรียบร้อยละ รอเกรดออกแค่นั้นเอง ก็ต้องขอขอบคุณพี่ +Sitdhibong Laokok มากๆ นะครับที่ช่วยดูแลเรื่องติดต่อการฝึกงาน รวมถึงสอนความรู้ต่างๆ มากมาย พี่ +Pornchai TummarATTAnanonT พี่เลี้ยงของผมที่ช่วยดูแลการฝึกงานครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี และให้ความรู้ต่างๆ มากมายเช่นเดียวกัน มีพี่ตั้ว พี่ปูน พี่แป้งที่ให้กำลังใจแล้วก็ให้ความรู้เล็กๆ น้อยๆ เหมือนกัน สุดท้ายก็พี่ส้ม หัวหน้าแลป DMI ที่อนุญาตให้ผมได้มาฝึกงานที่ DMI ของ NECTEC นะครับ :D

สำหรับใครที่เพิ่งได้อ่านของสัปดาห์นี้แล้วอย่างอ่านบันทึกเด็กฝึกงานของผมทั้ง 16 สัปดาห์ ก็คลิ๊กอ่านย้อนหลังได้ที่นี่เลย ต่อไปก็เตรียมพบกับ บันทึกเด็กหางาน เร็วๆ นี้แน่นอน ประสบการณ์เริ่มโชคโชน สปอยด์ก่อนว่านี่ไปสัมภาษณ์งานมา 2 บริษัทแล้ว รอผลบริษัทที่ 2 อยู่ ฮือออออ เป็นกำลังใจให้ผมกันด้วยนะค๊าบบบบ TwT

สัปดาห์ที่ 15

  • สัปดาห์ที่ 15 แล้วสินะ เร็วจังโฟ้ยยยยยยยยยย
  • ประเดิมวันจันทร์ มีงาน NECTEC Race* เป็นงานเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ แล้วก้มีการแข่งด้วย ได้ยินว่าจะมีงานแข่งวิ่งแบบนี้จากพี่ๆ ในแลปมาสองสามสัปดาห์ละ ตอนแรกนึกว่าวิ่งแบบระยะไกลไรงี้ ผิดคาด มันเป็นการวิ่งรอบที่ทำงานครับ โดยให้เวลา 45 นาที แล้วก็วิ่งไปเรื่อยๆ ครบ 1 รอบจะได้หนังยาง 1 วง เค้าวิ่งกันตอน 9 โมงครึ่ง ตอนแรกก็คิดว่ามันจะร้อนนะ แต่ไปๆ มาๆ ก็รู้สึกดีแฮะ วิ่งสบายดี รอบแรกยังชิวๆ รอบสองเผลอสปีดแข่งกับขาวบ้าน รอบสามน็อคเลยจ้า วิ่งจับเอวแล้วเดินเบี้ยวๆ มาตลอดทางเพราะเสียดท้อง 555 เบ็ดเสร็จตั้งใจว่าจะเอา 5 รอบ ก็ได้ 5 รอบจริงๆ ดีใจ ^^ แต่บ่ายนี้หมดสภาพเลย ทำงานไมไ่ด้เลย เพลีย 5555
  • ส่วนเรื่องงาน อาทิตย์นี้นั่งปั่นงานที่แลปจนเกือบสามสี่ทุ่มมา 2 คืน ก็ได้งานเยอะกว่าที่คิดไว้เยอะเลย เพราะอยู่ห้องมันคอยจะเลื้อยลงเตียงตลอด ก็ถือว่างานคืบหน้าไป 80% เลยหละ มีแก้มีอะไรบ้าง แต่ฟีเจอร์ในบางส่วนก็คิดว่าคงจะทำไมไ่ด้แล้วแน่ๆ ก็เลยแก้ปัญหาโดยใส่คำว่า Beta ไว้ที่โลโก้ก่อน แล้วจะใส่เมนู Report Bug ไว้ เผื่อใครเจอ Bug หรือเจออะไรที่มันแปลกๆ ก็รายงานมาได้ เดี๋ยวรอส่งโปรเจคก่อน เดี๋ยวจะให้ลองใช้กันนะ แต่คิดว่ามันไม่สมบูรณ์แล้วมันก็ไมไ่ด้ตาม Requirement หรอก เพราะ...
  • โอเค ยอมรับเลยว่าอยู่ในเวลาทำงาน อู้มาก T^T ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์คือ 70% อู้ ทำงาน 30% แล้วกว่าจะได้ทำงานจริงๆ จังๆ ก็ต้องกลับห้องหรือไม่ก็ทำที่แลปดึกๆ คือมันติดนิสัยทำงานดึกอยู่เลย เฮ้อ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะโดนประเมินยังไง ยอมรับในสภาพตัวเองแบ้วแจ้ TwT
  • ยอมรับว่าตอนนี้ใช้ Laravel คล่องมากกว่าเดิมละ แล้วสนุกกับการใช้มันด้วย คือการเขียน method แบบโรคจิตเหมือน Objective-C นี่มันเป็นอะไรที่ชอบจริงๆ เขียนตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมแบบ System.out อะไรแบบเนี๊ยะ 555 (แซะทำไม)
  • ได้ลองศึกษา jQuery เบื้องต้น พบว่าเขียนง่ายโคตรๆ นี่รอมีเวลามากกว่านี้เดี๋ยวจะเอาให้ถ่องแท้ก่อนไปสัมภาษณ์งานเลย
  • อาทิตย์หน้าอาทิตย์สุดท้าย ปั่นรายงานไฟแลบมาก เยอะโคตรรรร ไม่ชอบงานเอกสารเลยให้ตายสิ T_T แต่ก็จะอดทน เพราะอาทิตย์สุดท้ายแล้ว จะได้กลับมอแล้ว รอก่อนนะมอนอ กำลังจะกลับไปหาแล้ว ^^
เด็กชายคนหนึ่ง  เป็นแค่คนๆ นึงที่ไม่ได้เพอร์เฟคอะไร

หน้าตาไม่หล่อ เรียนก็ไม่ได้เก่งเทพ เอาตัวรอดไปวันๆ ได้

เป็นแค่เด็กชายคนนึงที่ไม่ได้มีความใฝ่ฝันว่าอยากเป็นอะไรตั้งแต่เด็ก

ไม่ได้โดนสังคมหรือครอบครัวบังคับให้เรียนหรือเป็นอะไรตามใจ

เด็กชายคนนี้เป็นเด็กต่างจังหวัดที่ชีวิตอยู่แต่กับสิ่งสวยงาม

ไม่โดดเรียน ไม่ทำตัวนอกลู่นอกทาง

โตขึ้น เด็กชายคนนี้แค่ใช้ของมหัศจรรย์เป็น แต่เด็กชายไม่รู้ด้วยซ้ำว่า

ของมหัศจรรย์ชิ้นนั้นทำอย่างไร ?

เด็กชายอดทนเรียนจนใกล้จะจบเต็มทีแล้ว จนรู้ว่า

ของมหัศจรรย์ชิ้นนั้นทำได้อย่างไร

เด็กชายคนนี้ใกล้จะได้กลับไปมอบของขวัญที่พ่อแม่อยากได้

นั่นคือ ความรู้ในการสร้างสิ่งมหัศจรรย์ มันคือสิ่งที่พ่อแม่ให้เด็กชายไม่ได้

แต่ท่านต้องการให้มันอยู่กับเด็กชายตลอดไป  เพื่อการเดินทางต่อไปในอนาคต

ซึ่งระหว่างเดินทางอยู่ในวังวนของความรู้ เด็กชายก็คว้าประสบการณ์มากมาย

ได้เจอเพื่อนใหม่ มิตรภาพใหม่ มีความสุขในโลกของมิตรภาพใบนั้น

และมีความสุขกับวังวนของโลกแห่งการเรียนรู้ใหม่ๆ

ใกล้เวลาแล้วที่เด็กชายต้องเปลี่ยนผ่านไปเป็นคนที่ต้องเดินด้วยขาของตัวเอง

แต่เคยได้ยินกันไหม "ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน"

ผู้ใหญ่ย่อมรู้ดีว่าทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่างเป็นอย่างไร

เด็กชายอยากออกไปผจญโลกกว้าง อยากลองเจ็บบ้าง ล้มบ้าง

อยากเจอโลกของมิตรภาพใบใหม่ เจอโลกที่โหดร้ายเกิน

และโลกที่ทำให้เด็กชายรู้จักเข้มแข็ง และรู้จักอดทนต่อการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้

ผู้ใหญ่ห้ามปรามเด็กชายว่า "โลกใบนี้มันน่ากลัว อย่าไปเลย กลับมาที่เดิมดีไหม ?"

เด็กชายคนนี้เดินมาไกลมาก ไกลพอที่เดินกลับไปยังจุดเดิมไม่ได้แล้ว

ทางเดินที่เด็กชายเดินมาไม่เหมือนเดิมตั้งแต่เริ่มออกเดินแล้ว

แต่ใช่ว่าเด็กชายอยากจะเดินไปเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมาย

เด็กชายสัญญากับตัวเองว่า จะกลับไปยังจุดเดิม เมื่อเด็กชายเดินทางจนเหนื่อย

เด็กชายเหนื่อยที่จะผจญภัยเมื่อไหร่ ก็จะขอเดินกลับยังที่ที่เด็กชายเดินจากมา

เด็กชายขอแค่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ทำทุกสิ่ง ดูบ้าง อย่างใจที่เด็กชายหวังไว้

เหนื่อยเมื่อไหร่... สัญญาว่าจะกลับไปยังจุดที่เดินออกมา

และกลับไปพร้อมสิ่งที่ทำให้คนที่ปล่อยตัวจากจุดเริ่มต้นได้ภูมิใจอย่างแน่นอน :) 




สัปดาห์ที่ 14

  • สัปดาห์ที่ 14 ... อีก 2 สัปดาห์ พระเจ้าาาาาาา งานยังไม่เสร็จเลย อ๊ากกกกกกก
  • สัปดาห์อู้เช่นเคย แล้วก็ไม่มีอะไรให้ชวนตื่นเต้นเท่าไหร่ มีก็แต่...
  • ปกติทุกเดือนที่ทำงานจะแข่งกันประหยัดไฟประจำเดือนกัน ชั้นไหนได้แชมป์ ทางส่วนกลางของตึกก็จะมีของเลี้ยงแชมป์เปี้ยน ปรากฎว่าชั้น 6 (ที่ทำงานอยู่) ได้แชมป์เดือนนี้จ้า ใช้ไฟประหยัดกว่าทุกชั้น (ก็ไม่รู้ว่าไปเอาเกณฑ์การตัดสินมาจากไหน) ก็เลยได้กินลูกชิ้นปิ้งที่ป้าแม่บ้านปิ้งไว้ตอนเที่ยง ได้กินตอนบ่ายสาม, ไส้กรอกทอด, ส้ม และน้ำเก๊กฮวยไปตามระเบียบ ฟินของฟรี~
  • อันขอแอบเม้าท์พี่เลี้ยงหน่อย อิอิ (พี่คงได้มาอ่านนะ ฮ่าๆ) ปกติเราจะประชุมทีมกันทุกวันพฤหัสฯ ตอนช่วงเช้าถึงเที่ยง ปรากฎว่าพี่เค้าจำวันผิดเป็นวันพุธ ก็เลยขอเลื่อนเป็นตอนบ่ายแทน พอตอนบ่ายพี่ก็เลื่อนไปอาทิตย์หน้าเลย เพราะรถเสีย... (นั่นแล) [นี่ชั้นจะโดนพี่เค้าหักคะแนนเพราะแอบเอามาเม้าท์มั้ยเนี่ย / ไม่เหลือ / orz]
  • ส่วนภาพด้านบนนั่น พอดีไปกินข้าวกับน้องใน Twitter คนนึงมา เค้าอยู่มธ.นี่แหละ ก็เลยไปเปิดซิงร้าน So Cool อันเรื่องลือมาละ โอเคดี แวะไปกินได้ ข้อมูลหาตาม Google โล้ด ข้างๆ มธ.รังสิตนี่หละ
  • โอเค เหลือเวลาอีก 2 อาทิตย์ กับงานอันมหาศาลมาก ขออนุญาตเรียก Skill ไฟลนก้นและ Skill อดหลับอดนอนมาใช้งาน ณ บัดนี้~~~ 

สัปดาห์ที่ 13

  • สัปดาห์ที่ 13 แล้ว... อีก 3 สัปดาห์เอง เร็วโคตรรรรรรรรร พระเจ้าองค์ไหนไปหมุนโลกให้ไวขึ้นปะเนี่ย =A=)!!
  • เรื่องแรก อวดก่อน วันจันทร์เค้าเปลี่ยนปลั๊กใหม่ทั้งแลปเลย ก็เลยได้ปลั๊กใหม่ (ตามภาพ) มาใช้ ถ้าเห็นสภาพปลั๊กเก่านะ แม่เอ๊ยยย กลัวช็อตเหมือนกัน 5555 แต่ปลั๊กใหม่ปลอดภัยดี (นี่ก็นึกว่ามันจะมีรู USB มาให้ด้วย ถ้ามีนะ โหหหห รักเลย)
  • อาทิตย์นี้งานที่ทำก็คืบหน้าไปแบบหอยทากเดินเลย ทำไปนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็พอ ไม่ได้อ้างหน้าหนาวนะ แต่รู้สึกว่ามันขี้เกียจจริงๆ ขนาดจะตื่นยังไม่อยากจะลุกเลยให้ตายสิซาร่าผุงประเสริฐ
  • ทีนี้เมื่อวันอังคาร ในกลุ่ม YWC มีประกาศลงหาคนไปทำงานอยู่บริษัทนึง เราเห็นละก็ตาลูกวาวเลย เพราะเป็นตำแหน่ง Wordpress Dev แล้วไหนๆ ก็ใกล้จะจบละ เตรียมตัวแปลงร่างเป็นคนทำงาน เลยตัดสินใจสมัครงานนี้ไปดู เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกตอนเลยว่าไปสัมภาษณ์งานมาเป็นยังไงบ้าง (เล่าให้ฟังคร่าวๆ ก่อนว่านี้คือสัมภาษณ์งานครั้งแรก แล้วแบบ... ตื่นเต้นเว่อร์ 5555) ก็เลยเสียเวลาทำ Resume ภาคภาษาอังกฤษไปหนึ่งวันเต็มๆ คือพี่คนที่เป็น Agency เค้าอยากให้รีบส่งไปให้เร็วที่สุด ก็เลยเร็วตาม ทีนี้วันสัมภาษณ์ตอนแรกเรากะจะเอาอาทิตย์หน้า ขอเตรียมตัวก่อน ปรากฎว่า HR กับคนที่เค้าสัมภาษณ์จะไม่ว่างกัน เลยขอเป็นวันศุกร์! (ส่ง Resume ไปวันพฤหัสฯ นะจ๊ะ!) เอาแล้ว เหงื่อไหลติ๋งๆ เอาไงดี สุดท้ายตัดสินใจ "ครับ โอเค" ช็อตนั้นไม่ได้เตรียมตัวไปเลย ตัวเพียวๆ จริงๆ เอา Laptop ไปนะ แต่ไม่ได้เปิดอะไรเลย คือตื่นเต้นทำตัวไม่ถูก 555 ทำให้วันศุกร์เลยเป็นการลางานครั้งแรก (มั้ง)
  • เหลืออีก 3 อาทิตย์ แพลนคืออาทิตย์นี้ เราคงต้องปั่นเว็บให้เสร็จซัก 80-90% ได้ละ แล้วก็เสาร์อาทิตย์จะต้องทำรายงานให้เสร็จ อาทิตย์สุดท้ายจะได้ไม่เหนื่อย แงงงง อีกนิดเดียววีรยุทธ ใกล้จะเข้าร่างสุดท้ายของวัยเรียนแล้ว สู้สู้!! ><

สัปดาห์ที่ 12


  • เข้าสู่อาทิตย์ที่ 12 เหลืออีก 4 สัปดาห์เท่านั้น
  • สำหรับอาทิตย์นี้งานที่ได้รับมอบหมายก็คืบหน้าไปประมาณ 55-60 % ละ จะเหลือแค่ส่วนสำคัญๆ ในระบบเช่นเพิ่ม, แก้, ลบ, เรียกข้อมูล ซึ่งเป็นพื้นฐานงานทำเว็บแอพทั้งปวง ก็พออุ่นใจไปได้บ้างว่างานก็คืบหน้าเฮ้ย ชั้นไม่ได้อู้นะ (แต่ยอมรับว่าพอนำเสนองานประจำสัปดาห์ ช่วงบ่ายกับวันศุกร์อู้มาก ทำงานไปนิดนึง นั่งดู Youtube จนโดนเค้าบีบ B/W เลย ;__; )
  • เมื่อวันศุกร์ Dr.Antony Harfield ผู้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโปรเจคเมื่อเทอมที่แล้วมาก่อน มาเทอมนี้อาจารย์ก็ยังมาเป็นอาจารย์นิเทศก์เราด้วย มาเยี่ยมถึงที่ทำงาน (เพราะเป็นหน้าที่ที่อาจารย์ต้องมา ไม่ใช่ว่าอาจารย์มาเพราะอยากแวะมานะเออ) มากับอาจารย์อีกท่านที่เป็นเพื่อนอาจารย์ซึ่งเราก็สนิทกับอาจารย์ท่านนี้เหมือนกัน ก็ได้ทำการพูดคุยกันพอเป็นพิธีว่าเราอยู่ที่นี่ขี้เกียจ เอ๊ย ทำงานอะไรบ้าง สบายดีมั้ย บลาๆๆ ก็ได้รู้จักกับพี่เลี้ยงเราด้วย ก็เป้นการนิเทศงานที่ผ่านไปด้วยดี ( ไม่รู้ว่าหลังไมค์ตอนที่เค้าคุยกับสามคนเราจะโดนเผาอะไรมั้ย กลั๊วกลัว ;w; )
  • ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายละอาทิตย์นี้ เจอพิษกลิ่นตีนเป็ดเข้าไป ถึงกับถอดใจไม่อยากวิ่งเลย เหม็นเกินจะทน
  • ส่วนเรื่องว่ายน้ำก็ยกเลิกไปอย่างไม่มีกำหนด อันเนื่องมาจากว่า ถ้าข้าพเจ้าซื้อชุดเพื่อจะว่ายทุกเย็นที่ไม่แน่นอนของข้าพเจ้า เกรงว่าจะไม่คุ้มเป็นแน่แท้ เลยขอเลื่อนกำหนดการนี้ชั่วคราวก่อน
  • สัญญากับตัวเองละว่าหลังจากอาทิตย์นี้ต้องตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ ตอนนี้กำลังเรียกวิชาเผางานที่ได้รับมาตอนเรียนอยู่ที่มออยู่ (คือเด็กมอนอส่วนใหญ่ ย้ำว่าส่วนใหญ่ จะมี Skill นี้เป็นพิเศษ สั่งงานต้นเทอม ทำอีกทีเดือนสุดท้าย พอช่วงจะนำเสนอ โอ้โห ไมไ่ด้หลับไม่ได้นอนเลยจ๊ะ เผา้งานกันไปลุกทั้งมอ 555) เดี๋ยวทุกๆ เย็นถ้าไม่ติดอะไรก็จะย้ายตัวเองจากชั้น 6 ไปทำงานอยู่ชั้น 2 แล้วงานพอคืบหน้าในแต่ละวันก็กลับ คือถ้ามานั่งทำที่หอนะ ไม่มีสมาธิแหงๆ เน็ตก็ไม่ค่อยเร็ว ทำที่แลปดีกว่า สบายใจดี
  • สวัสดีเทศกาลลอยกระทงล่วงหน้าทุกคนนะครับ :3 *จุดพลุใส่รัวๆ*
เคยคิดไว้เหมือนกันว่า อยากลองเที่ยวด้วยรถไฟฟ้าในกรุงเทพแบบวันเดียว แล้ววันนี้ก็ได้ทำจนได้ ต้องเล่าเกริ่นๆ ก่อนว่า พอดีไปส่งพี่สาวไปลาดกระบังด้วย ARL แต่เช้ามาก แล้วเราก็ไม่รู้จะไปไหน ครั้นจะตีรถกลับมาที่รังสิตเลยก็ดูจะเสียเวลาไปมั้ย ประกอบกับมือถือตัวเองมีปัญหาอยู่ เลยต้องไปหาที่ซ่อมมือถือตัวเองก่อน (ปัญหาที่ผู้ใช้ Android คุ้นเคยกันดี) แล้วไปเห็นว่าที่ ARL มักกะสันมีการจัดงาน a day Bike Fest 2013 ด้วย เกี่ยวกับคนรักจักรยาน ส่วนศูนย์ฯ ศิริกิตต์มีการจัดงาน Commart พอดี แผนเลยเป็นแบบนี้ครับ


ผมจะไป 3 ที่ด้วยกัน โดยไปที่ Too Fast Too Sleep ตรงข้ามจามจุรีสแควร์ (MRT สามย่าน) เพื่อไปทำงาน จากนั้นไปเดินเล่นที่งาน Commart Thailand 2013 ที่ศูนย์การะประชุมแห่งชาติศิริกิตต์ (MRT ศูนย์ฯ ศิริกิตต์) สุดท้ายก็ไปเดินเล่นที่งาน a day Bike Fest 2013 (MRT เพชรบุรี -> ARL มักกะสัน) ตามนี้นะครับ

จาก BTS พญาไท -> MRT สามย่าน = Too Fast Too Sleep


ผมเริ่มต้นก่อนจาก BTS พญาไท จากนั้นก็ไปลงที่ BTS สยามเพื่อเปลี่ยนไปสายสีลมแล้วไปลงที่ BTS ศาลาแดง จากนั้นไปต่อที่ MRT สีลม แล้วนั่งไปลงที่ MRT สามย่าน ซึ่งเป็นที่หมายแรกของผมนะครับ


สำหรับร้าน Too Fast Too Sleep เป็นร้านที่ผมมาบ่อยมาก มันคือร้านกาแฟที่ผสมผสานกับที่อ่านหนังสือหรือเป็น Co-work Space ให้กับคนที่ทำงานได้เป็นอย่างดี เพราะมันเปิดตลอด 24 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว เวลาผมเลือกมาทำงานข้างนอกสถานที่็ ผมจะเลือกที่นี่นะ เพราะว่าบรรยากาศมันสบาย เลือกที่นั่งได้เอง (ในวันที่ไม่ค่อยมีคน) ร้านนี้จะแน่นก็ต่อเมื่อเป็นช่วงสอบครับ แถวนั้นเด็กจุฬาเค้าจะอยู่กัน ฉะนั้น อยากไปทำงานแบบชิวๆ ไม่ค่อยมีเสียงรบกวนเยอะๆ ก็แนะนำให้ไปช่วงหลังเด็กจุฬาสอบกัน


ภายในร้านจะมีบริการอาหารและเครื่องดื่ม ไม่สามารถซื้อจากข้างนอกแล้วนำไปรับประทานในร้านได้นะครับ เค้าจะมาเตือนแล้วไม่ให้เราใช้บริการเลยหละ พูดถึงเครื่องดื่มก่อน มีทั้งกาแฟ โกโก้ บลาๆๆ สารพัดเครื่องดื่มที่ร้านทั่วๆ ไปก็มีกัน แต่มาทีไรก็จะสั่ง Too Fast เย็นตลอด เป็นกาแฟที่เข้มพอสมควร ไม่หวานมาก แต่ไม่รู้ทำไมวันทีไ่ปกิน จืดมาก จืดแบบ...แทบจะเป็นน้ำเปล่าเลย ก็เลยไม่เป็นไรช่างมัน อ้อ! แล้วด้วยความที่เค้าเปิดให้บริการฟรี ราคาเครื่องดื่มและอาหารที่นี่ก็จะเทียบได้ว่าซื้อบริการอยู่นั่นแหละครับ ยกตัวอย่างคือรูทเบียร์ของ A&W ปกติถ้าเราซื้อข้างนอกก็ไม่เกิน 20 บาทอะ แต่ร้านนี้จะขาย 40 บาท ส่วนราคากาแฟเย็นจะมีเรทอยู่ 90 บาท ฉะนั้นอย่าบ่นว่ามันแพงเลยครับ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยเค้าเป็นค่าไฟเนอะ ส่วน Wi-Fi ที่ร้านก็ฟรีครับ เล่นได้ประมาณ 2 ชั่วโมง จะได้ใช้ก็ต่อเมื่อเอาใบเสร็จที่เราซื้อของนั่นแหละไปแลกรหัสมา ปลั๊กไฟจะมีอยู่ถมเถมาก เลือกชาร์ทได้ตามสบาย ห้องน้ำมีห้องเดียวแยกฝั่งชายหญิง แต่ก็ไม่มีคนใช้หนาแน่นเท่าไหร่ รอบนอกของร้านมีร้านอาหารอยู่ครับ ฉะนั้นไปทำงานเที่ยงๆ หิวก็เก็บของลงมาก่อน หรือถ้ามีคนเฝ้าของได้ก็ให้เฝ้าโต๊ะไว้ แล้วก็ลงไปหาอะไรทาน เสร็จแล้วก็รีบขึ้นมาทำงานต่อได้เลย

จาก MRT สามย่าน -> MRT ศูนย์ฯ ศิริกิตต์ = Commart Thailand 2013


ออกจาก Too Fast Too Sleep กลับไปที่ MRT สามย่านเหมือนเดิม คราวนี้ไม่ต้องเปลี่ยนไปไหน ไปลงที่ MRT ศูนย์ศิริกิตต์เลย


งานขายของ IT ปีนึงมีกันหลายหน งานนี้ก็เช่นกันที่จัดต้นปีท้ายปีกันเลยทีเดียว สินค้าในงานรอบนี้ถ้าให้ผมแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็คง คอมพิวเตอร์(รวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วง) 60%, มือถือและอุปกรณ์พกพาต่างๆ 39% อื่นๆ 1%

อย่างพวกเครือข่ายมือถือเนี่ย ก็ยังจะมางานนี้ ผมละไม่เข้าใจ TME พวกเจ้าก็มากันนะ ส่วนราคาของสินค้า ผมดูๆ แล้วก็ถือว่าลดบ้างไม่ลดบ้างตามกันไป แต่ถ้าจะเอาโปรโมชั่นสินค้าหรือว่าอยากได้ของแถมเวลาซื้อคอมพิวเตอร์ ก็แวะมาได้ที่งาน Commart Thailand 2013 นะครับ

จาก MR ศูนย์ ศิริกิตต์ -> ARL มักกะสัน = a day Bike Fest 2013


ลง MRT ศูนย์ศิริกิตต์เหมือนเดิม คราวนี้เราต้องไปลงที่ MRT เพชรบุรี เพื่อไปที่ ARL มักกะสัน ซึ่งเดินไม่ไกลกันมาก


โอเค ขอพ่นเรื่องงานนี้เยอะหน่อย เพราะชอบมากกกกกก ไม่คิดว่างาน Bike Fest ในไทยมันจะดูอลังการแบบนี้ คือตัวงานจะจัดที่อาคารของ ARL นั่นแหละครับ ตอนแรกผมเห็นป้ายโฆษณาก็งง ไปจัดตรงไหนของ ARL หว่า แล้วห็เลยมาบางอ้อว่ามันเป็นอาคารสำนักงานใหญ่นี่เอง


สำหรับงาน a day Bike Fest 2013 มีผู้สนับสนุนเป็นโค้กและพ่องานคือสำนักพิมพ์ a day สำนักพิมพ์ที่อินดี้ในสามโลกร่วมกันจัดขึ้น ภายในงานเราจะเห็นคนเดินจูงจักรยานกันเป็นเรื่องปกติมาก มีตั้งแต่รถแบบ Vintage, City Bike, Fix Gear รวมไปถึงหลายๆ แบบ หรือเดินๆ ไปก็เจอคนกำลังสุมหัวซ่อมจักรยานกันอยู่กลางงาน โอ่ยยยย ชอบบบบ นี่กะว่าถ้าไม่ติดว่าตัวเองอยู่รังสิตจะสอยจักรยานพับได้ไปปั่นเล่นแล้ว เสียดายจริงๆ




บรรยากาศของงานก็จะมีการขายอุปกรณ์ต่างๆ ของจักรยาน ขายจักรยานด้วย หลายแบบ หลายไซส์ ตั้งแต่ของเด็กยันไปจนถึงของคนแก่ มีบู้ทที่ให้คำแนะนำเรื่องการปั่นจักรยานสู้โรคจากโรงพยาบาล ผมก็ไปทดสอบร่างกายมา ปรากฎว่าร่างกายอ่อนแอยิ่งนัก บีบข้อมือก็ได้เกณฑ์ต่ำ วัดความดันปอดก็ต่ำ จนมาคิดๆ ดูแล้วว่า เราออกกำลังกายไม่ถูกวิธีหรือเปล่า ช่างมันๆ เข้าเรื่องต่อ แล้วก็มีเวทีที่แสดงมินิคอนเสิร์ต รวมไปถึงเวทีเสวนาเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวจักรยานด้วย





ข้างนอกงานก็มีซุ้มอาหารครับ แล้วก็มี Test Drive คือลานที่ให้ทดสอบจักรยาน ปั่นกันชิวๆ เพลินๆ ได้ ถัดมาเป็นพวกโชว์ของ แก๊ง Extreme ที่เล่นจักรยานผาดโผนก็จะมาโชว์กันยกล้อสนุกมาก มีการเปิดเพลงจาก DJ โป๊งๆ ชึ่งกันไป





เราอาจจะมองว่าเรื่องปั่นจักรยานในกรุงเทพฯ ไม่น่าจะฮิตติดลมบนอะไรขนาดนี้ วันนี้ผมเจอคนในแวดวงไอทีทั้ง 3 คนเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นพี่โก๋ หรืออ.ศุภเดชแห่งแบไต๋ไฮเทค +Supadej  (@ripmilla) และพี่จอย +jidapa  (@joyz) ควงคู่กันมาดูจักรยานกัน แถมเจอนายช่างหนุ่ย +Pongsuk  (@nuishow) แห่งแบไต๋ฯ เหมือนกัน แต่งตัวมากันเต็มยศเลย แล้วต้องบอกว่าเห็นพี่โก๋แล้วแอบตกใจ คือ ตอนผมเข้าค่าย YWC แล้วเจอพี่เค้า ก่อนหน้านี้ยังเป็นหนุ่มหุ่นหมีอยู่เลย วันนี้เจอกันหุ่นดูเฟิร์มมากกก คือไม่ได้ผอมจนเชพบ๊ะนะครับ แต่ว่าดูดีอะ เห็นแล้วอิจฉาเลย นี่คือผลจากการปั่นจักรยานของพี่เค้า สุดยอดมากกกกก
ผมเลยมองว่า การได้ปั่นจักรยาน มันเหมือนการเิปิดโลกใหม่ให้ตัวเองเลยนะ แต่ก่อนผมก็ชอบปั่นจักรยานมาก แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย (จริงๆ ต้องบอกว่าช่วงม.ปลายด้วย) ไม่ค่อยได้ปั่นเลย ขนาดก่อนจะมาฝึกงานก็ยืมของเพื่อนที่มอไปปั่นเล่นอยู่บ่อยๆ


ถึงไม่ได้ชอบปั่นจักรยานเป็นชีวิตจิตใจ แต่ถ้าได้มาเดินเล่นที่งาน a day Bike Fest ดูซักรอบ ซึ่งเค้าบอกว่าอาจจะจัดทุกปีเลย (ปีนี้ปีที่ 3 มั้ง) อาจจะติดใจสอยจักรยานกลับบ้านไปปั่นเล่นก็ได้นะค๊าบ อิอิ

จาก ARL มักกะสัน -> ARL พญาไท = จบภารกิจ!

ครั้งแรกเลยที่ได้ขึ้นรถไฟฟ้า ARL ที่เขาร่ำรือกัน สถานีพี่แกจะใหญ่ไปไหนครับ เดินขึ้นสถานีทีขาแทบลาก แล้วช่วงที่ผมไปคือช่วงพีคอะ พอเข้าไปในรถไฟได้ ขออากาศให้กรูได้หายใจหน่อย ฮือออออ โดยรวมของ ARL ก็คิดว่า เออ..สมควรละที่เอ็งจะโดนเค้าบ่นกัน



พอออกจากสถานี โฮฮฮฮฮ คนมาจากไหนอี๊กกกก จนผมออกไปจากนอกรถแล้วต้องยืนรอให้คนเดินออกไปให้หมดอะ ไม่งั้นก็ไม่ได้ลงซักที



ทั้งหมดนี้ก็ถือเป็นทริปสั้นๆ ในหนึ่งวันที่ผมใช้แต่ รถไฟฟ้า ระบบขนส่งสาธารณะที่คนกรุงเทพฯ ไว้วางใจกัน (แอบสงสาร BTS ที่ผมไม่ได้แวะไปเที่ยวแถวสถานีไหนเลย) ถือว่าทั้ง 3 แบบแตกต่างกันมากเลยนะครับ ทั้ง BTS, MRT และ ARL เข้าใจว่าขึ้นอยู่กับสภาพผู้คนแถวนั้น แต่ก็ต้องบอกว่า BTS ก็ถือว่าได้เปรียบสุดที่วิ่งอยู่กลางเมือง หลังจากนี้ก็ต้องจับตาดูกันต่อว่า โครงการส่วนขยายต่างๆ รวมถึงสายรถไฟสีใหม่ๆ เราจะได้ใช้กันก่อนที่โลกจะเกิด Armageddon หรือเปล่า ก็ต้องติดตามกันต่อไป :P
สวัสดีหน้าหนาว~ อันยองฮาเซโย แต่ก่อนจะบ่น ขอถามซักคำ นี่หนาวแล้วหรอ... คือช่วงตุลาคมปลายๆ นี่ต้องหนาวสั่นสะท้านแล้วนะ นี่หนาวแล้วหรอ... หนาวจนเหงื่อหยดแหมะๆๆๆ เลยนะ ( -_-")


เวลาที่หน้าหนาวมาเยือนประเทศไทย มันก็มีอะไรหลายๆ สิ่งที่บ่งบอกแล้วว่า หน้าหนาวมาแล้วนะ เช่น แดดจะไม่ร้อนสะท้านทรวงเหมือนหน้าร้อน (แหงสิ) หรือเริ่มเห็นดอกไม้ผลิดอกออกมาสวยๆ แต่มันจะมีสิ่งหนึ่งที่มันมาพร้อมหน้าหนาวเหมือนกัน นั่นคือ ดอกต้นพญาสัตบรรณ(หรือต้นตีนเป็ด)บานสะพรั่งออกมาเต็มต้นสวยงาม ไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้นที่ออกมาเฉิดฉายบนต้น มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะพบเจอกับมันตอนเย็นๆ ที่เดินผ่านถึงกับปิดจมูกกันแทบไม่ทัน นั่นคือ.. กลิ่น ซึ่งเจ้ากลิ่นของของดอกตีนเป็ดเป็นอะไรที่บรรยายด้วยคำพูดไม่ได้จริงๆ ครั้นจะแนบไฟล์กลิ่นให้คุณๆ ดมกันในบล็อกก็ทำไม่ได้ เหม็นไม่ไหวจริงๆ แล้วประเทศไทยแทบจะปลูกไอ้ต้นนี้แทบทุกหย่อมหญ้า


แล้วที่ทำงานเนี่ย ปลูกประมาณ 1/3 ของพื้นที่รอบถนน แล้วไอ้เราก็ต้องวิ่งออกกำลังกายตอนเย็นเส้นนั้น พอผ่านช่วงตีนเป็ดโร้ดปั๊บ อื้อหืออออออ วิ่งเต็มฝีเท้าให้ไกลกลิ่น คือช่วงด้านหน้าที่ทำงานมันจะเป็นแนวยาวทั้งถนน เราก็สปีดเต็มที่ พอหมดโค้งเส้นข้างซ้ายนึกว่าจะปลอดภัย ยังจะมีสองสามต้นอีก ฮือออออ ไม่ไหวจะดมกลิ่นจริงๆ

ก็เลยหาข้อมูลยุกยิกๆ ว่า ทำไมประเทศไทยชอบปลูกไอ้ต้นตีนเป็ดกันจังเลย ถ้าพูดในแง่ความเชื่อและเรื่องทั่วๆ ไป มีคนอธิบายไว้ในคอมเมนท์บน Facebook ว่า



จากเพจ "ฮา" ลำพูน

ทีนี้ก็นึกขึ้นได้ ตอนเด็กเคยถามพ่อว่าหมู่บ้านเคหะฯ (อยู่หลังบ้านผม) ทำไมต้นตีนเป็ดมันเยอะจัง พ่อบอกว่า รากมันมีความหนาแน่นแล้วก็แข็งแกร่งมาก ทำให้หน้าดินไม่เสีย แถมปลูกแป๊บเดียว ปีสองปีก็โตแล้ว ใครลองปลูกมันตอนต้นเล็กๆ แล้วสังเกตการเติบโตของมันดู เร็วจนน่าตกใจจริงๆ แต่...ไอ้รากอันแข็งแรงของมันนี่แหละ ดันขยายตัวเร็วซะยิ่งกว่าลำยองออกลูกอีก (เดี๋ยวๆๆ) ทำให้รากมันชอนไชไปเรื่อย อย่างบ้านใครปลูกไว้หน้าบ้าน รากมันก็จะชอนไชเข้าไปใต้บ้านคุณๆ แล้วก็แทงท่อประปาไม่ก็สายอะไรที่อยู่ใต้บ้านจนงานงอกแข่งกับรากแน่นอน

แต่จริงๆ มันก็เป็นแค่ช่วงหน้าหนาวตอนเย็นๆ (หรือถ้ามันคิดจะออกดอกหน้าร้อนตอนเช้า มันก็คงจะปล่อยกลิ่นแน่ๆ) ประโยชน์มันจริงๆ ก็เยอะแยะอยู่นะ เอาต้นไปทำอุตสาหกรรมไม้ก็ได้ หรือเอาเปลือก,ยางต้นไม้ไปทำยาก็ได้อีก (ดูประโยชน์ที่นี่เลย) แถมเป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดสมุทรสาครอีกด้วย ยังไงก็อย่าไปสาปแช่งมันเลยเนอะ เดี๋ยวหมดหน้าหนาวมันก็ไปแล้ว

ปล. ขอฝากสิ่งอีกนิด ขอเข้ากระแสต่อต้านฯ มั่ง


สัปดาห์ที่ 11

  • สัปดาห์ที่ 11 แล้ว อีก 5 สัปดาห์ เตรียมตัวนับถอยหลังแล้วสินะ
  • อาทิตย์นี้งานดูผิวเผินอาจจะไม่คืบหน้าอะไรมาก แต่ว่าก็ถือว่าเดินหน้าไปได้เยอะเลยทีเดียว คือวันจันทร์เราเลยไฟนอลเรื่อง Database เลย เพราะรอไม่ได้แล้ว ซึ่งเราก็บอกพี่ๆ เค้าเลยว่าเราไม่ถนัดเรื่อง Database พี่แชมป์เลยช่วยที่เคลียเรื่องให้ ก็ค่อยยังชั่วหน่อย
  • ทีนี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วลองเอางานอัพขึ้น Server เลย อยากรู้ว่าจะมีปัญหาอะไรมั้ย ตอนนั้นเข้าหน้าแรกแล้วก็ไมไ่ด้สนใจหน้าอื่น ปล่อยผ่านไป พอเมื่อวันอังคารเพิ่งมาดูใหม่ อ้าว ตาย-่าหน้าอื่นเข้าไม่ได้เลย เป็นเพราะ .htaccess แล้วด้วยความที่ข้าพเจ้าไม่ได้เก่งเรื่อง Backend ขนาดนั้น ก็เลยให้พี่เค้าช่วยดูให้ ก็โอเค แคล้วคลาดปลอดภัยไป ทีนี้พอมาดูเรื่อง OAuth ของ Facebook ปรากฎว่ามันต้องใช้ function ตัวนึงใน php ปัญหามาอี๊ก ต้องวานพี่เค้าไปช่วยดูให้ กว่าจะได้ผ่านไปได้ โอ่ย เหนื่อย = =
  • ตอนนี้ตัวเว็บก็เริ่มลงรายละเอียดมากขึ้นละ ไม่ใช่ mockup หน้าทื่อๆ อะไร ส่วนเรื่องระบบภายในก็ยังไม่ลงตัวดีเท่าไหร่ เพราะกำลังงงกับ Laravel ในบางส่วนอยู่ (ทำไมเค้าบอกว่าง่าย ทำไมหนูว่ามันยาก ฮือออ // เพราะไม่ค่อยคล่อง Backend ด้วยมั้ง) 
  • ไปเจอ Tools ตัวนึงของ Laravel น่าสนใจมว๊ากกก คือ Laravel 4 OAuth เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังว่ามันคืออะไร (ถ้าว่างนะ // ของเก่าก็ยังไม่เคลียเลย *เตะคนเขียน*)
วันสองวันก่อนมันมีข่าวเรื่องตอนจบของละครเรื่อง ธิดาพญายม ฉายอยู่ช่อง 7 เค้าว่าติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง (ทำไมเราไม่รู้สึกละ ฮ่าๆๆ) ปรากฎว่าพวก CG ของละครมันมีบ้าง ไม่มีบ้าง เอ๋อๆ บ้าง ผู้จัดละครบอกว่า ก่อนจะส่งไฟล์ให้สถานีมันพัง (ไปอ่านเองที่ข่าวของ Blognone นี้นะฮะ เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น) ทีนี้พี่อดัม +Chalermchatri Yukol (@Adamy) ก็เข้ามาคอมเมนท์เรื่องนี้ให้ฟังว่า จริงๆ แล้วการส่งเทปและการทำละครกับช่อง 7 นั้นเป็นยังไง (อะๆ ไปอ่านต่อที่นี่ ขี้เกียจเล่า :P)



โอเค เข้าเรื่อง คือผมลองมองย้อนกลับไปช่วงที่เป็นเด็ก ขอย้อนไปตั้งแต่ประถมเลยละกัน จำความได้ว่าช่วงปิดเทอม วันหยุดหรือแม้กระทั่งวันไหนที่แอบอู้โดดเรียนด้วยการบอกแม่ว่า "ไม่ฉบายฮะ ขอนอนอยู่บ้านนะ" วันทั้งวันจะขลุกอยู่แต่หน้าทีวี (เครื่องเกมตอนเด็กไม่มี คอมพิวเตอร์ตอนป.4แม่ก็ไม่ให้เล่นทั้งวัน) แล้วช่องที่ผมจะขลุกอยู่กับมันก็คือ ช่อง 7 ตื่นเช้ามาไปโรงเรีียน ก็จะได้ยินเสียงเพลง กสิกร~ แข่งขันเป็นกระดูกสันหลัง...ของชาติ ไทยจะเรือง~♫ มันเป็นช่วงข่าวเช้าครับ ตอนบอกราคาพืชพรรณเกษตร วันหยุดที่บ้านก็ดูหนังรอบเช้า แล้วก็รายการช่อง 7 ถามว่าไม่ได้แตะช่อง 3 เลยหรอ ไม่เลยนะครับ ดูจนแม่ต้องด่าอะ 5555 ถ้าเขียนเป็น Timeline ในแต่ละวันหรอ... โอเค งั้นจอขอย้อนเป็นช่วงประถมฯ ปลาย - มัธยมฯ ต้นละกัน อันนี้ของวันธรรมดาในช่วงปิดเทอมนะ
  • ข่าวเช้า : ไม่ช่อง 3 ก็ช่อง 7
  • สายๆ : ดูหนังรอบเช้าช่อง 7 โฆษณาก็ดูผู้หญิงถึงผู้หญิงช่อง 3 (ตอนนั้นทำไมฉันดูรายการนี้ฟระ -_-)
  • เกือบจะเที่ยง : น่าจะเป็นแข่งร้อยได้ล้านนี่แหละ แล้วก็ชุมทางเสียงทอง ตอนนั้นติ่งนักร้องค่ายนพพรมากถึงมากที่สุด รักแมงปอ ♥
  • เที่ยง : ดูข่าวสลับช่องมั่วไปหมด
  • บ่าย : ตอนนั้นมันจะมีรายการ เกมฮอต เพลงฮิต มั้ง น่าจะชื่อรายการนี้แหละ ช่อง 7 หลังข่าว ที่มีไก่ สมพลและงูน้าหลามด้วยอะ ของแกรมมี่ ติดมากกกกก พอดูจบ ก็รอดูละครที่เคยฉายมาแล้วเอามา Rerun ซ้ำ ก็ดูอีก 5555
  • หลังจบละครก็จะนอน ปิดทีวี พักเครื่องตามคำสั่งของคุณแม่
  • ช่วงเย็นๆ : เปิดทีวีอีก ดูช่อง 7 อีก ข่าวเอยอะไรเอย
  • ช่วงค่ำๆ : ดูละครช่อง 7 บ่อยมาก คือมันตัวท๊อปทั้งนั้นเลยอะ เดี๋ยวจะลิสต์ให้อ่านว่ามีเรื่องอะไรบ้าง
  • ช่วงดึกๆ : ก็ยังดูช่อง 7 อยู่ พวกรายการหลังละครจบ ตอนนั้นมันมีแต่รายการน่าดูแต่จำไม่ได้ รู้ว่าเรื่องจริงผ่านจอกับชิงร้อยชิงล้านนี่พลาดไม่ได้เลยหละ
สังเกตมั้ยครับว่าช่วงเวลาตอนเด็กผมขลุกอยู่แต่ช่อง 7 ไม่ใช่เพราะที่บ้านอับสัญญาณข่อง 3 นะ แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าจะรายการเอยหรือละครของช่อง 7 มันชวนดูแล้วก็โอเคอะ ส่วนเสาร์อาทิตย์ อยากจะลิสต์ให้อ่านเหมือนกัน แต่เอาตรงๆ ว่า ช่อง 7 ทั้งวันเลย... ดูแบบ Nonstop ตั้งแต่เช้าตั้งแต่ Disney Club ยัน จอจี้ ตอนเย็น -_-)ง


 เอาละ ผู้อ่านวัย 20 อัพทั้งหลาย หากคุณอ่านอยู่ จงสารภาพมาซะดีๆ ว่าละครที่ผมจะลิสต์ต่อไปนี้ เรื่องไหนคุณทันบ้าง (ไมไ่ด้เรียงตามเวลานะ นึกเรื่องไหนออกก็พิมพ์)
  • เบญจา คีตา ความรัก
  • ชะชะช่าท้ารัก
  • หมอลำซัมเมอร์
  • สาวน้อยในตะเกียงแก้ว
  • พลิกดินสู่ดาว
  • เพลงรักข้ามภพ
  • แดนซ์ไม่เซ่อ เลยเจอรัก
  • มนต์รักลูกทุ่ง
  • สะใภ้ทอร์นาโด
  • หมอผีไซเบอร์
  • เหล็กไหล
  • คมแฝก
  • เสาร์ ๕
  • เมียหลวง
  • รุกฆาต
  • ทายาทอสูร
  • ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน
  • สุสานคนเป็น
  • ผีขี้เหงา
  • เปรตวัดสุทัศน์
  • แม่อายสะอื้น
  • คุณแจ๋วกะเพราไก่ คุณชายไข่ดาว
  • พรพรหมอลเวง
  • รักได้ไหม...ถ้าหัวใจไม่เพี้ยน
  • แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา
  • อกธรณี
  • ผู้พิทักษ์สี่แยก
  • ธิดาวานร
เยอะละ พอก่อน 5555555 จริงๆ มันมีอีกเยอะอะ แต่นึกได้แค่นี้ เห็นปะครับว่าละครช่อง 7 สมัยก่อนอยู่ในหัวเราเยอะมาก แถมแต่ละเรื่องมันไม่ใช่แบบตบตีแย่งชิงผัวกัน มีแอคชั่นสนุกๆ หรือเป็นหนังตลก หนังรักมันก็มีหมดทุกอารมณ์ แถมเพลงประกอบละครนะ โคตรจะติดหู ตอนเด็กนี่เพลงชะชะช่าท้ารักนะ ไม่ก็สาวน้อยในตะเกียงแก้วมีทุกงาน แล้วการไปโรงเรียนแต่ละวันมันจะมี Topic ไปคุยกับเพื่อนได้ โดยเฉพาะเรื่องเบญจา คีตา ความรักนี่พูดกันหนาหูมาก


ที่พูดมายาวขนาดนี้ แค่อยากจะบอกว่า ความเป็นช่อง 7 มันก็คงจะเหมือนเดิมนั่นแหละครับ เพียงแต่เค้าอาจจะเห็นการตลาดดีกว่าตามที่พี่อดัมคอมเมนท์ไว้ (แค่นั้นเอง) ที่ช่อง 3 เบียด Rating เข้ามาได้ คงเพราะเริ่มมีนักแสดงจากช่อง 7 ย้ายไปด้วย แถมการนำละครลงฉายในช่อง 3 ดูเหมือนจะไม่ยุ่งยากกว่านั่นเอง อ้อ ช่องเค้าก็ช่วงอวยละครให้ด้วย นั่นคือข้อดี ผิดกับช่อง 7 ที่มีรายการ เส้นทางบันเทิง ไว้ทำไมก็ไม่เข้าใจ ทีนี้พักหลัง อาจจะมีละครบางเรื่องที่สามารถฝ่าวงล้อมเข้ามาโกยเรทติ้งได้ เช่น วันนี้ที่รอคอย หรือ ฟ้าจรดทราย ที่เพิ่งจบไป ตอนแรกก็คิดว่าละครงั้นๆ แต่เอาเข้าจริง เออแฮะ สนุกอยู่ๆ

อาจจะคิดว่าตอนนี้ช่อง 7 ก็ยังโกยเรทติ้งจากคนต่างจังหวัดได้อยู่หรือไม่ อาจจะเป็นบางช่วงและบางเรื่องครับ อย่างที่ฉายอยู่จันทร์-อังคารนี่ก็เบียดกันสุดฤทธิ์ เราอาจจะมองว่าใน Social Network พูดถึงเรื่อง ทองเนื้อเก้าๆๆๆ โห ดังแหงๆ เปล่าจ๊ะ พ่อแม่ผมอยู่บ้านดู สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย แถมดูกันทั้งหมู่บ้าน เพราะด้วยพฤติกรรมการเสพย์ละครของคนไทยสมัยก่อน มันไม่สามารถเปลี่ยนผ่านมาได้นั่นเอง บางบ้านอาจจะได้นะ แต่ถ้าละครช่อง 3 ยังเป็นแย่งผัวไปๆ มาๆ ก็ยากหน่อย เพราะลองสังเกตมาหลายรอบเหมือนกัน อย่างตอนที่เหนือเมฆมาฉาย บ้านผมดูกัน แต่พอพวกดอกส้มสีทองหรืออะไรพวกนี่ ที่บ้านไม่ดูเลยนะ ทั้งๆ ที่อวยให้ตาย แม่บอก "ก็ไม่เห็นมันจะมีอะไร แย่งผัวไปๆ มาๆ น่าเบื่อ" เลยเกิดคำถามเหมือนกันว่า พฤติกรรมการดูละครของคนไทยในสังคมเมืองใหญ่กับต่างจังหวัดมันมีความแตกต่างกันอย่างไร ?

ปล. : ไม่รู้ว่าบล็อกนี้ดักแก่ใครบ้าง แต่เชื่อว่าโดนกันวงกว้างแน่นอน อิอิอิ
เกริ่นนำก่อนละกัน คืองี้ ที่ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตเค้ามีศูนย์การกีฬาขนาดใหญ่เหมือนกัน รองรับกีฬาแทบจะทุกประเภทเพราะเค้าเคยเป็นที่จัดกีฬาระดับชาติอย่างเอเชี่ยน เกมส์ ครั้งที่ 13 มาด้วย ละเมื่อกลางเดือนกันยายน เค้าเปิดตัวกีฬาตัวใหม่คือ หน้าผาจำลอง (Thammasat Rock Climbing) เค้าบอกว่าสูงและได้มาตรฐานมากๆ เราเห็นละแบบ โหยยยยยย อยากเล่นๆๆๆ อยากมานานมาก ไม่เคยเล่นไง และแล้วก็ได้เล่นสมใจจริงๆ

Tu Sport Climbing



สำหรับหน้าผาจำลองของที่นี่ได้ขนาดมาตรฐานตามที่นักกีฬาทีมชาติเค้าเล่นกัน แล้วอยากจะบอกว่านักกีฬาทีมชาติก็มาเล่นที่นี่นะเออ เท่ปะหละ ทีนี้เรายังเป็นพวก Level 0 ถ้าติดยศก็พวก Novice อะ ไปก็ไปนั่งดูเค้าเล่นๆ กันนานมาก จนคิดว่า ขืนมานั่งดูเค้าแบบนี้ตูคงไม่ได้เล่นแน่ๆ เลยตัดสินใจ อึ๊บ! เดินไปถามเค้าเลยว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง พี่ที่ดูแลอยู่เลยบอกว่า จ่ายตังเสร็จ รออุปกรณ์ เล่นได้เลย ... ง่ายอิ๊บ โอเค มาดูราคาเล่นกันบ้าง
  • นักศึกษามธ. 20 บาท
  • อาจารย์/เจ้าหน้าที่/สมาชิกฟิตเนส 50 บาท
  • คนทั่วไป 100 บาท << เราตกอยู่ในก๊กนี้
ตอนแรกก็แอบคิดนะ คนธรรมดาอย่างเรา 100 นึงเลยหรอ แพงไปปะเนี่ย แต่พอได้เล่นจริงๆ เออ 100 นึงนี่โคตรคุ้มมาก ของก็ไม่ต้องซื้อ แถมเล่นกี่รอบก็ได้ สมมติผมมาตอนที่เค้าเปิด นั่นคือ 4 โมงเย็นครึ่ง ผมสามารถปีนขึ้นๆ ลงๆ ได้จนถึง 2 ทุ่มครึ่งเลยอะ เลยคิดว่ามันเจ๋งจริงๆ แล้วเราก็ถามเค้าต่อว่า คือผมเล่นไม่เป็นเลยอะครับ มีคนที่มาช่วยสอนได้มั้ย เค้าก็บอกว่า ให้พวกทีมชาติที่มาซ้อมนี่แหละสอนได้ เราเงิบเลย 555


ทีนี้วันที่ไปคนเล่นเยอะมาก อุปกรณ์ที่ใช้เล่นก็ต้องเวียนๆ กันใช้ ซึ่งอุปกรณ์ที่เล่นก็ไม่มีอะไรมาก แค่เข็มขัด Safety แล้วก็รองเท้าที่มันจะใช้เล่นโดยเฉพาะ มันอาจจะคับไปหน่อยแต่ต้องให้กระชับมากๆ เพราะว่าไอ้พวกหินที่เราใช้เกาะใช้ปีนเนี่ยมันเล็กมาก พลาดปั๊บแกก็ร่วงเลยหละ


หน้าผาจะแบ่งเป็น 4 Level มีแบบง่าย (เค้าจะเรียกสีเหลือง-ขาว) หินพวกนี้ก็จะจับง่ายหน่อย ปีนไปบนสุดก็ไม่มีอะไร แบบปานกลาง (สีน้ำเงินมั้ง) หินก็จะเริ่มหน้าตาประหลาดๆ ละ แต่ก็พอเกาะพอไปได้ ระดับยาก (น่าจะสีแดงนะ) หินก็จะมีความฮาร์ดคอร์มาอีกหน่อย แต่ทั้ง 3 Level นี้หน้าผาจะไม่มีความชันคือปีนเป็นเส้นตรงเลย พอ Level 4 หินจะมีหน้าตาสลับๆ กันไป แถมบนสุดกลับมีการเอียงองศาอีกนะ สำหรับนี่ยากโฮก ถ้าเล่นได้นี่คงต้องมาเล่นทุกวันอะ 555


สำหรับเรื่องความปลอดภัย การเล่นเราต้องมีคู่หูด้วย เพราะต้องเอาไว้รั้งน้ำหนักตัวเราแล้วก็จับเชือกไม่ให้เราร่วงลงมา รับรองว่าไม่ร่วงตุ๊บแน่นอนเพราะถ้าเราเพิ่งเริ่มเล่นพวกพี่ๆ ทีมชาติก็จะเป็นคู่หูให้เรา ตอนเล่นรอบแรกสุดเลยนะ เรานี่ไปเร็วมาก แล้วไม่ได้วอร์มแขนครับ ผลคือ พอใกล้จะถึงปวดแขนมากกก เลยต้องขอลงมาก่อน หากเราจะลงก็ตะโกนลงไปบอกเค้าเป็นพิธีนิดนึงว่า จะลงแล้วน๊า~ เค้าก็จะให้เราจับเชือกสองมือ ทีนี้เวลาลงก็ค่อยๆ นะครับ อย่าทำแบบผม คือทิ้งน้ำหนักพรืดดดดลงมาเลย แล้วคนเป็นคู่หูเราเค้าจะรั้งไม่อยู่ เราก็จะร่วงมาเร็วมาก - -" หรือ ถ้าปีนไปซักพัก เมื่อยมาก อยากจะพัก ก็ไม่ต้องจับเชือก ปล่อยมือได้เลย ให้เราลอยอยู่กลางอากาศนั่นแหละ หายดีแล้วจะปีนต่อก็ย่อมได้


สิ่งที่เราอึ้งคือ มีเด็กน้อยมาเล่นเยอะมาก อนาคตของชาติเลยแหละ น่านับถือสุดๆ พวกเจ้าเป็นแรงขับให้คนแก่ๆ อย่างพี่อยากเล่นมากขึ้นเลย ฮ่าๆๆ


ใครสนใจอยากลองทลายความกลัวของตัวเองหรืออยากหาความท้าทายใหม่ๆ แวะมาเล่นกันได้ที่ศูนย์บริการการกีฬา ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต เปิดให้บริการ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 16:00 น.-20:30 น. นะครับ