บล็อกจับฉ่ายนายวีวี่คลุงซ์

"Because the story on your life never end."
Follow Me
เด็กชายคนหนึ่ง  เป็นแค่คนๆ นึงที่ไม่ได้เพอร์เฟคอะไร

หน้าตาไม่หล่อ เรียนก็ไม่ได้เก่งเทพ เอาตัวรอดไปวันๆ ได้

เป็นแค่เด็กชายคนนึงที่ไม่ได้มีความใฝ่ฝันว่าอยากเป็นอะไรตั้งแต่เด็ก

ไม่ได้โดนสังคมหรือครอบครัวบังคับให้เรียนหรือเป็นอะไรตามใจ

เด็กชายคนนี้เป็นเด็กต่างจังหวัดที่ชีวิตอยู่แต่กับสิ่งสวยงาม

ไม่โดดเรียน ไม่ทำตัวนอกลู่นอกทาง

โตขึ้น เด็กชายคนนี้แค่ใช้ของมหัศจรรย์เป็น แต่เด็กชายไม่รู้ด้วยซ้ำว่า

ของมหัศจรรย์ชิ้นนั้นทำอย่างไร ?

เด็กชายอดทนเรียนจนใกล้จะจบเต็มทีแล้ว จนรู้ว่า

ของมหัศจรรย์ชิ้นนั้นทำได้อย่างไร

เด็กชายคนนี้ใกล้จะได้กลับไปมอบของขวัญที่พ่อแม่อยากได้

นั่นคือ ความรู้ในการสร้างสิ่งมหัศจรรย์ มันคือสิ่งที่พ่อแม่ให้เด็กชายไม่ได้

แต่ท่านต้องการให้มันอยู่กับเด็กชายตลอดไป  เพื่อการเดินทางต่อไปในอนาคต

ซึ่งระหว่างเดินทางอยู่ในวังวนของความรู้ เด็กชายก็คว้าประสบการณ์มากมาย

ได้เจอเพื่อนใหม่ มิตรภาพใหม่ มีความสุขในโลกของมิตรภาพใบนั้น

และมีความสุขกับวังวนของโลกแห่งการเรียนรู้ใหม่ๆ

ใกล้เวลาแล้วที่เด็กชายต้องเปลี่ยนผ่านไปเป็นคนที่ต้องเดินด้วยขาของตัวเอง

แต่เคยได้ยินกันไหม "ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน"

ผู้ใหญ่ย่อมรู้ดีว่าทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่างเป็นอย่างไร

เด็กชายอยากออกไปผจญโลกกว้าง อยากลองเจ็บบ้าง ล้มบ้าง

อยากเจอโลกของมิตรภาพใบใหม่ เจอโลกที่โหดร้ายเกิน

และโลกที่ทำให้เด็กชายรู้จักเข้มแข็ง และรู้จักอดทนต่อการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้

ผู้ใหญ่ห้ามปรามเด็กชายว่า "โลกใบนี้มันน่ากลัว อย่าไปเลย กลับมาที่เดิมดีไหม ?"

เด็กชายคนนี้เดินมาไกลมาก ไกลพอที่เดินกลับไปยังจุดเดิมไม่ได้แล้ว

ทางเดินที่เด็กชายเดินมาไม่เหมือนเดิมตั้งแต่เริ่มออกเดินแล้ว

แต่ใช่ว่าเด็กชายอยากจะเดินไปเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมาย

เด็กชายสัญญากับตัวเองว่า จะกลับไปยังจุดเดิม เมื่อเด็กชายเดินทางจนเหนื่อย

เด็กชายเหนื่อยที่จะผจญภัยเมื่อไหร่ ก็จะขอเดินกลับยังที่ที่เด็กชายเดินจากมา

เด็กชายขอแค่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ทำทุกสิ่ง ดูบ้าง อย่างใจที่เด็กชายหวังไว้

เหนื่อยเมื่อไหร่... สัญญาว่าจะกลับไปยังจุดที่เดินออกมา

และกลับไปพร้อมสิ่งที่ทำให้คนที่ปล่อยตัวจากจุดเริ่มต้นได้ภูมิใจอย่างแน่นอน :) 




สัปดาห์ที่ 14

  • สัปดาห์ที่ 14 ... อีก 2 สัปดาห์ พระเจ้าาาาาาา งานยังไม่เสร็จเลย อ๊ากกกกกกก
  • สัปดาห์อู้เช่นเคย แล้วก็ไม่มีอะไรให้ชวนตื่นเต้นเท่าไหร่ มีก็แต่...
  • ปกติทุกเดือนที่ทำงานจะแข่งกันประหยัดไฟประจำเดือนกัน ชั้นไหนได้แชมป์ ทางส่วนกลางของตึกก็จะมีของเลี้ยงแชมป์เปี้ยน ปรากฎว่าชั้น 6 (ที่ทำงานอยู่) ได้แชมป์เดือนนี้จ้า ใช้ไฟประหยัดกว่าทุกชั้น (ก็ไม่รู้ว่าไปเอาเกณฑ์การตัดสินมาจากไหน) ก็เลยได้กินลูกชิ้นปิ้งที่ป้าแม่บ้านปิ้งไว้ตอนเที่ยง ได้กินตอนบ่ายสาม, ไส้กรอกทอด, ส้ม และน้ำเก๊กฮวยไปตามระเบียบ ฟินของฟรี~
  • อันขอแอบเม้าท์พี่เลี้ยงหน่อย อิอิ (พี่คงได้มาอ่านนะ ฮ่าๆ) ปกติเราจะประชุมทีมกันทุกวันพฤหัสฯ ตอนช่วงเช้าถึงเที่ยง ปรากฎว่าพี่เค้าจำวันผิดเป็นวันพุธ ก็เลยขอเลื่อนเป็นตอนบ่ายแทน พอตอนบ่ายพี่ก็เลื่อนไปอาทิตย์หน้าเลย เพราะรถเสีย... (นั่นแล) [นี่ชั้นจะโดนพี่เค้าหักคะแนนเพราะแอบเอามาเม้าท์มั้ยเนี่ย / ไม่เหลือ / orz]
  • ส่วนภาพด้านบนนั่น พอดีไปกินข้าวกับน้องใน Twitter คนนึงมา เค้าอยู่มธ.นี่แหละ ก็เลยไปเปิดซิงร้าน So Cool อันเรื่องลือมาละ โอเคดี แวะไปกินได้ ข้อมูลหาตาม Google โล้ด ข้างๆ มธ.รังสิตนี่หละ
  • โอเค เหลือเวลาอีก 2 อาทิตย์ กับงานอันมหาศาลมาก ขออนุญาตเรียก Skill ไฟลนก้นและ Skill อดหลับอดนอนมาใช้งาน ณ บัดนี้~~~ 

สัปดาห์ที่ 13

  • สัปดาห์ที่ 13 แล้ว... อีก 3 สัปดาห์เอง เร็วโคตรรรรรรรรร พระเจ้าองค์ไหนไปหมุนโลกให้ไวขึ้นปะเนี่ย =A=)!!
  • เรื่องแรก อวดก่อน วันจันทร์เค้าเปลี่ยนปลั๊กใหม่ทั้งแลปเลย ก็เลยได้ปลั๊กใหม่ (ตามภาพ) มาใช้ ถ้าเห็นสภาพปลั๊กเก่านะ แม่เอ๊ยยย กลัวช็อตเหมือนกัน 5555 แต่ปลั๊กใหม่ปลอดภัยดี (นี่ก็นึกว่ามันจะมีรู USB มาให้ด้วย ถ้ามีนะ โหหหห รักเลย)
  • อาทิตย์นี้งานที่ทำก็คืบหน้าไปแบบหอยทากเดินเลย ทำไปนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็พอ ไม่ได้อ้างหน้าหนาวนะ แต่รู้สึกว่ามันขี้เกียจจริงๆ ขนาดจะตื่นยังไม่อยากจะลุกเลยให้ตายสิซาร่าผุงประเสริฐ
  • ทีนี้เมื่อวันอังคาร ในกลุ่ม YWC มีประกาศลงหาคนไปทำงานอยู่บริษัทนึง เราเห็นละก็ตาลูกวาวเลย เพราะเป็นตำแหน่ง Wordpress Dev แล้วไหนๆ ก็ใกล้จะจบละ เตรียมตัวแปลงร่างเป็นคนทำงาน เลยตัดสินใจสมัครงานนี้ไปดู เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกตอนเลยว่าไปสัมภาษณ์งานมาเป็นยังไงบ้าง (เล่าให้ฟังคร่าวๆ ก่อนว่านี้คือสัมภาษณ์งานครั้งแรก แล้วแบบ... ตื่นเต้นเว่อร์ 5555) ก็เลยเสียเวลาทำ Resume ภาคภาษาอังกฤษไปหนึ่งวันเต็มๆ คือพี่คนที่เป็น Agency เค้าอยากให้รีบส่งไปให้เร็วที่สุด ก็เลยเร็วตาม ทีนี้วันสัมภาษณ์ตอนแรกเรากะจะเอาอาทิตย์หน้า ขอเตรียมตัวก่อน ปรากฎว่า HR กับคนที่เค้าสัมภาษณ์จะไม่ว่างกัน เลยขอเป็นวันศุกร์! (ส่ง Resume ไปวันพฤหัสฯ นะจ๊ะ!) เอาแล้ว เหงื่อไหลติ๋งๆ เอาไงดี สุดท้ายตัดสินใจ "ครับ โอเค" ช็อตนั้นไม่ได้เตรียมตัวไปเลย ตัวเพียวๆ จริงๆ เอา Laptop ไปนะ แต่ไม่ได้เปิดอะไรเลย คือตื่นเต้นทำตัวไม่ถูก 555 ทำให้วันศุกร์เลยเป็นการลางานครั้งแรก (มั้ง)
  • เหลืออีก 3 อาทิตย์ แพลนคืออาทิตย์นี้ เราคงต้องปั่นเว็บให้เสร็จซัก 80-90% ได้ละ แล้วก็เสาร์อาทิตย์จะต้องทำรายงานให้เสร็จ อาทิตย์สุดท้ายจะได้ไม่เหนื่อย แงงงง อีกนิดเดียววีรยุทธ ใกล้จะเข้าร่างสุดท้ายของวัยเรียนแล้ว สู้สู้!! ><

สัปดาห์ที่ 12


  • เข้าสู่อาทิตย์ที่ 12 เหลืออีก 4 สัปดาห์เท่านั้น
  • สำหรับอาทิตย์นี้งานที่ได้รับมอบหมายก็คืบหน้าไปประมาณ 55-60 % ละ จะเหลือแค่ส่วนสำคัญๆ ในระบบเช่นเพิ่ม, แก้, ลบ, เรียกข้อมูล ซึ่งเป็นพื้นฐานงานทำเว็บแอพทั้งปวง ก็พออุ่นใจไปได้บ้างว่างานก็คืบหน้าเฮ้ย ชั้นไม่ได้อู้นะ (แต่ยอมรับว่าพอนำเสนองานประจำสัปดาห์ ช่วงบ่ายกับวันศุกร์อู้มาก ทำงานไปนิดนึง นั่งดู Youtube จนโดนเค้าบีบ B/W เลย ;__; )
  • เมื่อวันศุกร์ Dr.Antony Harfield ผู้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโปรเจคเมื่อเทอมที่แล้วมาก่อน มาเทอมนี้อาจารย์ก็ยังมาเป็นอาจารย์นิเทศก์เราด้วย มาเยี่ยมถึงที่ทำงาน (เพราะเป็นหน้าที่ที่อาจารย์ต้องมา ไม่ใช่ว่าอาจารย์มาเพราะอยากแวะมานะเออ) มากับอาจารย์อีกท่านที่เป็นเพื่อนอาจารย์ซึ่งเราก็สนิทกับอาจารย์ท่านนี้เหมือนกัน ก็ได้ทำการพูดคุยกันพอเป็นพิธีว่าเราอยู่ที่นี่ขี้เกียจ เอ๊ย ทำงานอะไรบ้าง สบายดีมั้ย บลาๆๆ ก็ได้รู้จักกับพี่เลี้ยงเราด้วย ก็เป้นการนิเทศงานที่ผ่านไปด้วยดี ( ไม่รู้ว่าหลังไมค์ตอนที่เค้าคุยกับสามคนเราจะโดนเผาอะไรมั้ย กลั๊วกลัว ;w; )
  • ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายละอาทิตย์นี้ เจอพิษกลิ่นตีนเป็ดเข้าไป ถึงกับถอดใจไม่อยากวิ่งเลย เหม็นเกินจะทน
  • ส่วนเรื่องว่ายน้ำก็ยกเลิกไปอย่างไม่มีกำหนด อันเนื่องมาจากว่า ถ้าข้าพเจ้าซื้อชุดเพื่อจะว่ายทุกเย็นที่ไม่แน่นอนของข้าพเจ้า เกรงว่าจะไม่คุ้มเป็นแน่แท้ เลยขอเลื่อนกำหนดการนี้ชั่วคราวก่อน
  • สัญญากับตัวเองละว่าหลังจากอาทิตย์นี้ต้องตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ ตอนนี้กำลังเรียกวิชาเผางานที่ได้รับมาตอนเรียนอยู่ที่มออยู่ (คือเด็กมอนอส่วนใหญ่ ย้ำว่าส่วนใหญ่ จะมี Skill นี้เป็นพิเศษ สั่งงานต้นเทอม ทำอีกทีเดือนสุดท้าย พอช่วงจะนำเสนอ โอ้โห ไมไ่ด้หลับไม่ได้นอนเลยจ๊ะ เผา้งานกันไปลุกทั้งมอ 555) เดี๋ยวทุกๆ เย็นถ้าไม่ติดอะไรก็จะย้ายตัวเองจากชั้น 6 ไปทำงานอยู่ชั้น 2 แล้วงานพอคืบหน้าในแต่ละวันก็กลับ คือถ้ามานั่งทำที่หอนะ ไม่มีสมาธิแหงๆ เน็ตก็ไม่ค่อยเร็ว ทำที่แลปดีกว่า สบายใจดี
  • สวัสดีเทศกาลลอยกระทงล่วงหน้าทุกคนนะครับ :3 *จุดพลุใส่รัวๆ*
เคยคิดไว้เหมือนกันว่า อยากลองเที่ยวด้วยรถไฟฟ้าในกรุงเทพแบบวันเดียว แล้ววันนี้ก็ได้ทำจนได้ ต้องเล่าเกริ่นๆ ก่อนว่า พอดีไปส่งพี่สาวไปลาดกระบังด้วย ARL แต่เช้ามาก แล้วเราก็ไม่รู้จะไปไหน ครั้นจะตีรถกลับมาที่รังสิตเลยก็ดูจะเสียเวลาไปมั้ย ประกอบกับมือถือตัวเองมีปัญหาอยู่ เลยต้องไปหาที่ซ่อมมือถือตัวเองก่อน (ปัญหาที่ผู้ใช้ Android คุ้นเคยกันดี) แล้วไปเห็นว่าที่ ARL มักกะสันมีการจัดงาน a day Bike Fest 2013 ด้วย เกี่ยวกับคนรักจักรยาน ส่วนศูนย์ฯ ศิริกิตต์มีการจัดงาน Commart พอดี แผนเลยเป็นแบบนี้ครับ


ผมจะไป 3 ที่ด้วยกัน โดยไปที่ Too Fast Too Sleep ตรงข้ามจามจุรีสแควร์ (MRT สามย่าน) เพื่อไปทำงาน จากนั้นไปเดินเล่นที่งาน Commart Thailand 2013 ที่ศูนย์การะประชุมแห่งชาติศิริกิตต์ (MRT ศูนย์ฯ ศิริกิตต์) สุดท้ายก็ไปเดินเล่นที่งาน a day Bike Fest 2013 (MRT เพชรบุรี -> ARL มักกะสัน) ตามนี้นะครับ

จาก BTS พญาไท -> MRT สามย่าน = Too Fast Too Sleep


ผมเริ่มต้นก่อนจาก BTS พญาไท จากนั้นก็ไปลงที่ BTS สยามเพื่อเปลี่ยนไปสายสีลมแล้วไปลงที่ BTS ศาลาแดง จากนั้นไปต่อที่ MRT สีลม แล้วนั่งไปลงที่ MRT สามย่าน ซึ่งเป็นที่หมายแรกของผมนะครับ


สำหรับร้าน Too Fast Too Sleep เป็นร้านที่ผมมาบ่อยมาก มันคือร้านกาแฟที่ผสมผสานกับที่อ่านหนังสือหรือเป็น Co-work Space ให้กับคนที่ทำงานได้เป็นอย่างดี เพราะมันเปิดตลอด 24 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว เวลาผมเลือกมาทำงานข้างนอกสถานที่็ ผมจะเลือกที่นี่นะ เพราะว่าบรรยากาศมันสบาย เลือกที่นั่งได้เอง (ในวันที่ไม่ค่อยมีคน) ร้านนี้จะแน่นก็ต่อเมื่อเป็นช่วงสอบครับ แถวนั้นเด็กจุฬาเค้าจะอยู่กัน ฉะนั้น อยากไปทำงานแบบชิวๆ ไม่ค่อยมีเสียงรบกวนเยอะๆ ก็แนะนำให้ไปช่วงหลังเด็กจุฬาสอบกัน


ภายในร้านจะมีบริการอาหารและเครื่องดื่ม ไม่สามารถซื้อจากข้างนอกแล้วนำไปรับประทานในร้านได้นะครับ เค้าจะมาเตือนแล้วไม่ให้เราใช้บริการเลยหละ พูดถึงเครื่องดื่มก่อน มีทั้งกาแฟ โกโก้ บลาๆๆ สารพัดเครื่องดื่มที่ร้านทั่วๆ ไปก็มีกัน แต่มาทีไรก็จะสั่ง Too Fast เย็นตลอด เป็นกาแฟที่เข้มพอสมควร ไม่หวานมาก แต่ไม่รู้ทำไมวันทีไ่ปกิน จืดมาก จืดแบบ...แทบจะเป็นน้ำเปล่าเลย ก็เลยไม่เป็นไรช่างมัน อ้อ! แล้วด้วยความที่เค้าเปิดให้บริการฟรี ราคาเครื่องดื่มและอาหารที่นี่ก็จะเทียบได้ว่าซื้อบริการอยู่นั่นแหละครับ ยกตัวอย่างคือรูทเบียร์ของ A&W ปกติถ้าเราซื้อข้างนอกก็ไม่เกิน 20 บาทอะ แต่ร้านนี้จะขาย 40 บาท ส่วนราคากาแฟเย็นจะมีเรทอยู่ 90 บาท ฉะนั้นอย่าบ่นว่ามันแพงเลยครับ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยเค้าเป็นค่าไฟเนอะ ส่วน Wi-Fi ที่ร้านก็ฟรีครับ เล่นได้ประมาณ 2 ชั่วโมง จะได้ใช้ก็ต่อเมื่อเอาใบเสร็จที่เราซื้อของนั่นแหละไปแลกรหัสมา ปลั๊กไฟจะมีอยู่ถมเถมาก เลือกชาร์ทได้ตามสบาย ห้องน้ำมีห้องเดียวแยกฝั่งชายหญิง แต่ก็ไม่มีคนใช้หนาแน่นเท่าไหร่ รอบนอกของร้านมีร้านอาหารอยู่ครับ ฉะนั้นไปทำงานเที่ยงๆ หิวก็เก็บของลงมาก่อน หรือถ้ามีคนเฝ้าของได้ก็ให้เฝ้าโต๊ะไว้ แล้วก็ลงไปหาอะไรทาน เสร็จแล้วก็รีบขึ้นมาทำงานต่อได้เลย

จาก MRT สามย่าน -> MRT ศูนย์ฯ ศิริกิตต์ = Commart Thailand 2013


ออกจาก Too Fast Too Sleep กลับไปที่ MRT สามย่านเหมือนเดิม คราวนี้ไม่ต้องเปลี่ยนไปไหน ไปลงที่ MRT ศูนย์ศิริกิตต์เลย


งานขายของ IT ปีนึงมีกันหลายหน งานนี้ก็เช่นกันที่จัดต้นปีท้ายปีกันเลยทีเดียว สินค้าในงานรอบนี้ถ้าให้ผมแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็คง คอมพิวเตอร์(รวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วง) 60%, มือถือและอุปกรณ์พกพาต่างๆ 39% อื่นๆ 1%

อย่างพวกเครือข่ายมือถือเนี่ย ก็ยังจะมางานนี้ ผมละไม่เข้าใจ TME พวกเจ้าก็มากันนะ ส่วนราคาของสินค้า ผมดูๆ แล้วก็ถือว่าลดบ้างไม่ลดบ้างตามกันไป แต่ถ้าจะเอาโปรโมชั่นสินค้าหรือว่าอยากได้ของแถมเวลาซื้อคอมพิวเตอร์ ก็แวะมาได้ที่งาน Commart Thailand 2013 นะครับ

จาก MR ศูนย์ ศิริกิตต์ -> ARL มักกะสัน = a day Bike Fest 2013


ลง MRT ศูนย์ศิริกิตต์เหมือนเดิม คราวนี้เราต้องไปลงที่ MRT เพชรบุรี เพื่อไปที่ ARL มักกะสัน ซึ่งเดินไม่ไกลกันมาก


โอเค ขอพ่นเรื่องงานนี้เยอะหน่อย เพราะชอบมากกกกกก ไม่คิดว่างาน Bike Fest ในไทยมันจะดูอลังการแบบนี้ คือตัวงานจะจัดที่อาคารของ ARL นั่นแหละครับ ตอนแรกผมเห็นป้ายโฆษณาก็งง ไปจัดตรงไหนของ ARL หว่า แล้วห็เลยมาบางอ้อว่ามันเป็นอาคารสำนักงานใหญ่นี่เอง


สำหรับงาน a day Bike Fest 2013 มีผู้สนับสนุนเป็นโค้กและพ่องานคือสำนักพิมพ์ a day สำนักพิมพ์ที่อินดี้ในสามโลกร่วมกันจัดขึ้น ภายในงานเราจะเห็นคนเดินจูงจักรยานกันเป็นเรื่องปกติมาก มีตั้งแต่รถแบบ Vintage, City Bike, Fix Gear รวมไปถึงหลายๆ แบบ หรือเดินๆ ไปก็เจอคนกำลังสุมหัวซ่อมจักรยานกันอยู่กลางงาน โอ่ยยยย ชอบบบบ นี่กะว่าถ้าไม่ติดว่าตัวเองอยู่รังสิตจะสอยจักรยานพับได้ไปปั่นเล่นแล้ว เสียดายจริงๆ




บรรยากาศของงานก็จะมีการขายอุปกรณ์ต่างๆ ของจักรยาน ขายจักรยานด้วย หลายแบบ หลายไซส์ ตั้งแต่ของเด็กยันไปจนถึงของคนแก่ มีบู้ทที่ให้คำแนะนำเรื่องการปั่นจักรยานสู้โรคจากโรงพยาบาล ผมก็ไปทดสอบร่างกายมา ปรากฎว่าร่างกายอ่อนแอยิ่งนัก บีบข้อมือก็ได้เกณฑ์ต่ำ วัดความดันปอดก็ต่ำ จนมาคิดๆ ดูแล้วว่า เราออกกำลังกายไม่ถูกวิธีหรือเปล่า ช่างมันๆ เข้าเรื่องต่อ แล้วก็มีเวทีที่แสดงมินิคอนเสิร์ต รวมไปถึงเวทีเสวนาเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวจักรยานด้วย





ข้างนอกงานก็มีซุ้มอาหารครับ แล้วก็มี Test Drive คือลานที่ให้ทดสอบจักรยาน ปั่นกันชิวๆ เพลินๆ ได้ ถัดมาเป็นพวกโชว์ของ แก๊ง Extreme ที่เล่นจักรยานผาดโผนก็จะมาโชว์กันยกล้อสนุกมาก มีการเปิดเพลงจาก DJ โป๊งๆ ชึ่งกันไป





เราอาจจะมองว่าเรื่องปั่นจักรยานในกรุงเทพฯ ไม่น่าจะฮิตติดลมบนอะไรขนาดนี้ วันนี้ผมเจอคนในแวดวงไอทีทั้ง 3 คนเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นพี่โก๋ หรืออ.ศุภเดชแห่งแบไต๋ไฮเทค +Supadej  (@ripmilla) และพี่จอย +jidapa  (@joyz) ควงคู่กันมาดูจักรยานกัน แถมเจอนายช่างหนุ่ย +Pongsuk  (@nuishow) แห่งแบไต๋ฯ เหมือนกัน แต่งตัวมากันเต็มยศเลย แล้วต้องบอกว่าเห็นพี่โก๋แล้วแอบตกใจ คือ ตอนผมเข้าค่าย YWC แล้วเจอพี่เค้า ก่อนหน้านี้ยังเป็นหนุ่มหุ่นหมีอยู่เลย วันนี้เจอกันหุ่นดูเฟิร์มมากกก คือไม่ได้ผอมจนเชพบ๊ะนะครับ แต่ว่าดูดีอะ เห็นแล้วอิจฉาเลย นี่คือผลจากการปั่นจักรยานของพี่เค้า สุดยอดมากกกกก
ผมเลยมองว่า การได้ปั่นจักรยาน มันเหมือนการเิปิดโลกใหม่ให้ตัวเองเลยนะ แต่ก่อนผมก็ชอบปั่นจักรยานมาก แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย (จริงๆ ต้องบอกว่าช่วงม.ปลายด้วย) ไม่ค่อยได้ปั่นเลย ขนาดก่อนจะมาฝึกงานก็ยืมของเพื่อนที่มอไปปั่นเล่นอยู่บ่อยๆ


ถึงไม่ได้ชอบปั่นจักรยานเป็นชีวิตจิตใจ แต่ถ้าได้มาเดินเล่นที่งาน a day Bike Fest ดูซักรอบ ซึ่งเค้าบอกว่าอาจจะจัดทุกปีเลย (ปีนี้ปีที่ 3 มั้ง) อาจจะติดใจสอยจักรยานกลับบ้านไปปั่นเล่นก็ได้นะค๊าบ อิอิ

จาก ARL มักกะสัน -> ARL พญาไท = จบภารกิจ!

ครั้งแรกเลยที่ได้ขึ้นรถไฟฟ้า ARL ที่เขาร่ำรือกัน สถานีพี่แกจะใหญ่ไปไหนครับ เดินขึ้นสถานีทีขาแทบลาก แล้วช่วงที่ผมไปคือช่วงพีคอะ พอเข้าไปในรถไฟได้ ขออากาศให้กรูได้หายใจหน่อย ฮือออออ โดยรวมของ ARL ก็คิดว่า เออ..สมควรละที่เอ็งจะโดนเค้าบ่นกัน



พอออกจากสถานี โฮฮฮฮฮ คนมาจากไหนอี๊กกกก จนผมออกไปจากนอกรถแล้วต้องยืนรอให้คนเดินออกไปให้หมดอะ ไม่งั้นก็ไม่ได้ลงซักที



ทั้งหมดนี้ก็ถือเป็นทริปสั้นๆ ในหนึ่งวันที่ผมใช้แต่ รถไฟฟ้า ระบบขนส่งสาธารณะที่คนกรุงเทพฯ ไว้วางใจกัน (แอบสงสาร BTS ที่ผมไม่ได้แวะไปเที่ยวแถวสถานีไหนเลย) ถือว่าทั้ง 3 แบบแตกต่างกันมากเลยนะครับ ทั้ง BTS, MRT และ ARL เข้าใจว่าขึ้นอยู่กับสภาพผู้คนแถวนั้น แต่ก็ต้องบอกว่า BTS ก็ถือว่าได้เปรียบสุดที่วิ่งอยู่กลางเมือง หลังจากนี้ก็ต้องจับตาดูกันต่อว่า โครงการส่วนขยายต่างๆ รวมถึงสายรถไฟสีใหม่ๆ เราจะได้ใช้กันก่อนที่โลกจะเกิด Armageddon หรือเปล่า ก็ต้องติดตามกันต่อไป :P
สวัสดีหน้าหนาว~ อันยองฮาเซโย แต่ก่อนจะบ่น ขอถามซักคำ นี่หนาวแล้วหรอ... คือช่วงตุลาคมปลายๆ นี่ต้องหนาวสั่นสะท้านแล้วนะ นี่หนาวแล้วหรอ... หนาวจนเหงื่อหยดแหมะๆๆๆ เลยนะ ( -_-")


เวลาที่หน้าหนาวมาเยือนประเทศไทย มันก็มีอะไรหลายๆ สิ่งที่บ่งบอกแล้วว่า หน้าหนาวมาแล้วนะ เช่น แดดจะไม่ร้อนสะท้านทรวงเหมือนหน้าร้อน (แหงสิ) หรือเริ่มเห็นดอกไม้ผลิดอกออกมาสวยๆ แต่มันจะมีสิ่งหนึ่งที่มันมาพร้อมหน้าหนาวเหมือนกัน นั่นคือ ดอกต้นพญาสัตบรรณ(หรือต้นตีนเป็ด)บานสะพรั่งออกมาเต็มต้นสวยงาม ไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้นที่ออกมาเฉิดฉายบนต้น มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะพบเจอกับมันตอนเย็นๆ ที่เดินผ่านถึงกับปิดจมูกกันแทบไม่ทัน นั่นคือ.. กลิ่น ซึ่งเจ้ากลิ่นของของดอกตีนเป็ดเป็นอะไรที่บรรยายด้วยคำพูดไม่ได้จริงๆ ครั้นจะแนบไฟล์กลิ่นให้คุณๆ ดมกันในบล็อกก็ทำไม่ได้ เหม็นไม่ไหวจริงๆ แล้วประเทศไทยแทบจะปลูกไอ้ต้นนี้แทบทุกหย่อมหญ้า


แล้วที่ทำงานเนี่ย ปลูกประมาณ 1/3 ของพื้นที่รอบถนน แล้วไอ้เราก็ต้องวิ่งออกกำลังกายตอนเย็นเส้นนั้น พอผ่านช่วงตีนเป็ดโร้ดปั๊บ อื้อหืออออออ วิ่งเต็มฝีเท้าให้ไกลกลิ่น คือช่วงด้านหน้าที่ทำงานมันจะเป็นแนวยาวทั้งถนน เราก็สปีดเต็มที่ พอหมดโค้งเส้นข้างซ้ายนึกว่าจะปลอดภัย ยังจะมีสองสามต้นอีก ฮือออออ ไม่ไหวจะดมกลิ่นจริงๆ

ก็เลยหาข้อมูลยุกยิกๆ ว่า ทำไมประเทศไทยชอบปลูกไอ้ต้นตีนเป็ดกันจังเลย ถ้าพูดในแง่ความเชื่อและเรื่องทั่วๆ ไป มีคนอธิบายไว้ในคอมเมนท์บน Facebook ว่า



จากเพจ "ฮา" ลำพูน

ทีนี้ก็นึกขึ้นได้ ตอนเด็กเคยถามพ่อว่าหมู่บ้านเคหะฯ (อยู่หลังบ้านผม) ทำไมต้นตีนเป็ดมันเยอะจัง พ่อบอกว่า รากมันมีความหนาแน่นแล้วก็แข็งแกร่งมาก ทำให้หน้าดินไม่เสีย แถมปลูกแป๊บเดียว ปีสองปีก็โตแล้ว ใครลองปลูกมันตอนต้นเล็กๆ แล้วสังเกตการเติบโตของมันดู เร็วจนน่าตกใจจริงๆ แต่...ไอ้รากอันแข็งแรงของมันนี่แหละ ดันขยายตัวเร็วซะยิ่งกว่าลำยองออกลูกอีก (เดี๋ยวๆๆ) ทำให้รากมันชอนไชไปเรื่อย อย่างบ้านใครปลูกไว้หน้าบ้าน รากมันก็จะชอนไชเข้าไปใต้บ้านคุณๆ แล้วก็แทงท่อประปาไม่ก็สายอะไรที่อยู่ใต้บ้านจนงานงอกแข่งกับรากแน่นอน

แต่จริงๆ มันก็เป็นแค่ช่วงหน้าหนาวตอนเย็นๆ (หรือถ้ามันคิดจะออกดอกหน้าร้อนตอนเช้า มันก็คงจะปล่อยกลิ่นแน่ๆ) ประโยชน์มันจริงๆ ก็เยอะแยะอยู่นะ เอาต้นไปทำอุตสาหกรรมไม้ก็ได้ หรือเอาเปลือก,ยางต้นไม้ไปทำยาก็ได้อีก (ดูประโยชน์ที่นี่เลย) แถมเป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดสมุทรสาครอีกด้วย ยังไงก็อย่าไปสาปแช่งมันเลยเนอะ เดี๋ยวหมดหน้าหนาวมันก็ไปแล้ว

ปล. ขอฝากสิ่งอีกนิด ขอเข้ากระแสต่อต้านฯ มั่ง


สัปดาห์ที่ 11

  • สัปดาห์ที่ 11 แล้ว อีก 5 สัปดาห์ เตรียมตัวนับถอยหลังแล้วสินะ
  • อาทิตย์นี้งานดูผิวเผินอาจจะไม่คืบหน้าอะไรมาก แต่ว่าก็ถือว่าเดินหน้าไปได้เยอะเลยทีเดียว คือวันจันทร์เราเลยไฟนอลเรื่อง Database เลย เพราะรอไม่ได้แล้ว ซึ่งเราก็บอกพี่ๆ เค้าเลยว่าเราไม่ถนัดเรื่อง Database พี่แชมป์เลยช่วยที่เคลียเรื่องให้ ก็ค่อยยังชั่วหน่อย
  • ทีนี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วลองเอางานอัพขึ้น Server เลย อยากรู้ว่าจะมีปัญหาอะไรมั้ย ตอนนั้นเข้าหน้าแรกแล้วก็ไมไ่ด้สนใจหน้าอื่น ปล่อยผ่านไป พอเมื่อวันอังคารเพิ่งมาดูใหม่ อ้าว ตาย-่าหน้าอื่นเข้าไม่ได้เลย เป็นเพราะ .htaccess แล้วด้วยความที่ข้าพเจ้าไม่ได้เก่งเรื่อง Backend ขนาดนั้น ก็เลยให้พี่เค้าช่วยดูให้ ก็โอเค แคล้วคลาดปลอดภัยไป ทีนี้พอมาดูเรื่อง OAuth ของ Facebook ปรากฎว่ามันต้องใช้ function ตัวนึงใน php ปัญหามาอี๊ก ต้องวานพี่เค้าไปช่วยดูให้ กว่าจะได้ผ่านไปได้ โอ่ย เหนื่อย = =
  • ตอนนี้ตัวเว็บก็เริ่มลงรายละเอียดมากขึ้นละ ไม่ใช่ mockup หน้าทื่อๆ อะไร ส่วนเรื่องระบบภายในก็ยังไม่ลงตัวดีเท่าไหร่ เพราะกำลังงงกับ Laravel ในบางส่วนอยู่ (ทำไมเค้าบอกว่าง่าย ทำไมหนูว่ามันยาก ฮือออ // เพราะไม่ค่อยคล่อง Backend ด้วยมั้ง) 
  • ไปเจอ Tools ตัวนึงของ Laravel น่าสนใจมว๊ากกก คือ Laravel 4 OAuth เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังว่ามันคืออะไร (ถ้าว่างนะ // ของเก่าก็ยังไม่เคลียเลย *เตะคนเขียน*)