บล็อกจับฉ่ายนายวีวี่คลุงซ์

"Because the story on your life never end."
Follow Me
ชีวิตนี้ก็ผ่านการดูคอนเสิร์ตมากเยอะพอสมควร ตั้งแต่คอนเสิร์ตสังกะสี (ต่างจังหวัดอะ ตั๋ว 50 บาทละมีสังกะสีล้อม) จนไปมาดูคอนเสิร์ตที่กทม. คือเข้าใจว่าวิวัฒนการและสังคมมันเปลี่ยนไป คนเรามีมือถือกันทุกคน มีกล้องหน้าอีก ไม่มีหรอ iPad พวกคุณไง เออนั่นแหละๆ เอะอะก็ควักมาแชะ มาโชว์กันละ แล้วก็อัพลง Social Network กันสนุกสนาน

ภาพจาก : Popcornfor2
ทีนี้ขอให้คุณๆ มองไปที่การชมภาพยนตร์ก่อน ก่อนเข้าโรงหนัง สิ่งที่ต้องทำคือการปิดเสียงหรือปิดเครื่องเพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่นในการรับชม รวมถึงโรงหนังเค้าก็จะไม่มีเรื่องแอบถ่ายละไปเป็นหนังซูมๆ ในพวกเว็บบิทอีก ซึ่งธรรมเนียมเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ทุกคนรับทราบร่วมกัน ถูกนะ

มามองในคอนเสิร์ต ทำความเข้าใจก่อนว่าภาพยนตร์เนี่ย ฉายกี่รอบ กี่ครั้ง นานแค่ไหนก็ได้ ใครๆ ก็เข้าถึง แต่คอนเสิร์ตเนี่ย มันเกิดมาเพื่อความ Exclusive อะ เล่นก็ค่ำๆ วันละรอบ สองถึงสามวัน บางคอนก็วันเดียว บัตรก็แพงอยู่ละจะดูแต่ละที สถานที่จัดงานก็โอ๊ยเหนาะ ศิลปินก็ทุ่มเทเหนื่อยกันสุดฤทธิ์เพื่อให้โชว์ออกมาดี มันเลยทำให้คอนเสิร์ตดูมีคุณค่าในสายตาของศิลปินเพราะอย่างน้อยเค้าจะเห็นว่าแฟนคลับหรือคนดูรักเค้ามากขนาดไหน และมีคุณค่าในสายตาคนดูอย่างเราๆ เพราะชั้นอยากไปกรี๊ดศิลปิน อยากไปร้องเพลง ไปเต้นตามเค้าได้อะไรแบบเนี๊ยะ

ภาพจาก : cherylkicksass
ปัญหากวนใจอย่างหนึ่งของผมคือ พวกที่ชอบยกมือถือมาอัดคลิปหรือถ่ายภาพระหว่างที่คอนเสิร์ตเล่น โอเค เข้าใจว่าอยากถ่ายไปอวดเพื่อน หรือเอาไปเผื่อแผ่บุญให้กับคนอื่นว่าเฮ้ย มันมีแบบนี้ๆๆๆ นะแก เฮ้ยหนุกมาเลยแกร บลาๆๆๆ แต่.. พวกท่านเองกำลังทำให้มันรบกวนสายตาผมสุดๆ

คุณอาจจะเถียงว่า อ้าวเฮ้ย แล้วอีพวกแท่งไฟ ป้ายไฟแกไม่ด่ามันบ้างหละ อ้าวคุณ เค้าก็ทำมาเพื่อแบบให้แฟนคลับเห็น โบกไม้โบกมือกันให้คอนเสิร์ตมันมีสีสัน แต่มือถือคุณเนี่ย... ถ้าไม่ได้เปิดโหมดไฟฉายหรือเปิดแอพป้ายไฟเนี่ย เอาลงเห๊อะ เหตุการณ์สมมติคือ ผมนั่งดูอยู่ ตอนนั้นศิลปินกำลังแผดเสียงสุดฤทธิ์เดินมากลางเวที ทันใดนั้น แถวหน้าก็ยกมือถือมาอัดคลิป แล้วก็บังฉัน... อารมณ์นั้นอยากจะวิ่งเข้าไปจับมือถือเป็นแนวนอนแล้วบอกว่า "อัดคลิปแนวนอนได้มุมดีกว่านะครับ" จะบ้าเร๊อะ!

ภาพจาก : Postjung
ผมเข้าใจครับว่าอยากเอาไปอวดให้ใครๆ ดู แต่คุณก็ช่วยให้เกียรติคนอื่นหน่อย ผมไม่ได้ว่าว่าไม่ได้ถ่าย แต่ก่อนการแสดงเล่นอะครับ ได้ยินมั้ยว่าเค้าบอกว่าห้ามถ่าย ห้ามอัดวิดีโอ แต่ก็ทำ คือ...? ไอ้เรื่องแบบนี้หนะครับ มันเกิดจากอุปทานหมู่ คือพอคนหนึ่งทำ คนสอง คนสามก็เริ่มทำไปเรื่อยๆ หละ แบบ ไอ้คนหน้าทำได้ ชั้นก็ต้องทำได้ เหตุการณ์สมมติ 2 : รุ่นน้องผมชอบโชว์มา ควักไอโฟนมาอัดคลิปกะเอาไปแชร์ ซักพักทีมงานเดินมาสะกิดแล้วเรียกตัวไปข้างนอกเพื่อลบคลิป เหตุการณ์นี้หลายๆ คนก็าอจจะมีคำถามว่า อ้าว ให้ลบทำไม ตักเตือนเฉยๆ ก็พอแล้วมั้ง คำตอบคือในบางโชว์หรือบางคอนเสิร์ต ทีมงานที่จัดเค้าจะมีการซื้อเพลงต่างค่ายมาให้ศิลปินร้อง เค้าต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ในการขอนำมาร้อง รวมถึงเรื่องต่างๆ อีกมากมาย ฉะนั้น ไอ้การที่คุณซื้อบัตรถูกๆ แล้วก็มานั่งลอยชายอัดคลิปผ่านจอโปรเจกเตอร์แล้วก็อัดลง Youtube เนี่ย เจ้าของคอนเสิร์ตโดนค่าลิขสิทธิ์อ่วมเลยนะจ๊ะ จริงๆ เจ้าของค่ายเพลงก็มีสิทธิ์ฟ้องร้องคุณได้เหมือนกัน อีกอย่างคือ มันกลายเป็นเรื่องฟรีๆ ไปเลย คือศิลปินก็กะจะให้คนที่อยู่ตรงหน้าดู ไหง๋ไอ้คนไม่จ่ายตังดันได้ดูหละ ถึงบรรยากาศมันไม่ได้แต่เค้าก็ดันได้ฟังเพลงที่ชั้นเรียบเรียงใหม่ คือมันไม่ใช่อะกิ๊บ

เอาละ ผมเลยขอเชิญท่านๆ มาเปลี่ยนมุมมองเรื่องนี้กันซักหน่อย โอเค คุณอัดได้ถ่ายได้เหมือนเดิม แต่ก็อยากให้เกียรติศิลปิน ให้เกียรติผู้จัด ให้เกียรติเพื่อนๆ ที่รับร่วมกัน รวมถึงให้เกียรติตัวเองสักหน่อย รอให้เป็นช่วงแบบเฮฮาหรือศิลปินเดินลงมาบุกถึงที่นั่ง โอเค ถล่มชัตเตอร์เลย แต่ถ้าระหว่างโชว์เนี่ย ผมว่าถ่ายภาพยังพอทำเนา แต่ถ้าอัดคลิปเลยก็ไม่ไหวแหงๆ เอาเป็นว่าถ้ารักศิลปิน ก็เบาๆ พฤติกรรมนี้กันหน่อยเนอะ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และผมก็อยากให้ทุกๆ คน ได้ดูคอนเสิร์ตกันอย่างสนุกสนานและเต็มอิ่มกับบรรยากาศให้มากที่สุด ตะโกนเชียร์ศิลปินให้เต็มที่ ไม่ต้องมาพะวงกับหน้าจอตอนถ่ายและคุ้มค่าบัตรที่จ่ายไปนะจ๊ะ ไม่ต้องเอาค่าบัตรเราไปหารแชร์ให้คนดูคลิปฟรีหรอก 

อันนี้เค้าถ่ายเอง คอน NJ ถ่ายอังกอร์ด้วย ฟินละ :v

ทิ้งท้ายก่อนจบ มาทำ Poll กันซักหน่อยดีกว่าว่า คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่าการถ่ายคลิป/ถ่ายภาพระหว่างคอนเสิร์ตเล่นเป็นเรื่องปกติและยอมรับกันได้หรือไม่



ปล. ๑ : ถ้าคอนฯ ไหนเค้าอนุญาตและไม่ได้ห้าม ก็ขอเชิญท่านควักมือถือมาถ่ายให้สาใจเทอญ

ปล. ๒​ : อาจจะมีคนค่อนแคะอีกว่า "ก็ไม่มีตัง บ้านไกล อดดู ขี้เหนัยวจัง ให้ดูแค่นี้ก็ไม่ได้" ประทานโทษ น้องที่มาดูด้วยมาจากเชียงใหม่ ตั้งใจมาดูคอนเสิร์ตที่กทม.น้องก็ทำครับ เหอะๆๆๆ 

ปล. ๓ : ถ้าบางคนอ่านจบแล้วก็มีคำตอบหลุดออกมาจากสมองว่า "ทำไมต้องทำตามวะ ตังข้า ข้าจ่ายมาดูคอนเสิร์ตข้าต้องทำอะไรก็ได้สิ" ก็ตามแต่จะคิดนะฮะ ผมแค่อยากขอความร่วมมือ ไม่ได้บังคับให้คุณทำ ทำไม่ทำก็แล้วแต่ตัวคุณเอง จบนะ
จั่วหัวบล็อกรอบนี้มาซะสยิวเลย คือเรื่องของเรื่องมีเหตุได้ไปธุระที่ต่างประเทศ แล้วตั้งแต่เกิดมาก็ไม่มีหนังสือเดินทางหรือ Passport เป็นของตัวเอง เพราะคิดว่ากว่าจะได้ไปต่างประเทศก็โน่นนน เก็บเงินไปเที่ยวเองละมั้ง ไปๆ มาๆ มีเรื่องให้ได้ไปจนได้ ซึ่งผู้จัดงานส่งฟอร์มการเข้าร่วมงานมาให้กรอกก่อนวันที่ 23 เผอิญว่ามานั่งกรอกวันที่ 23 นั่นแหละ ก็กรอกไปเพลินๆ ซักพักถึงกับชะงักเมื่อเห็นว่ามีช่อง Passport ID กับ Passport Expire Date ด้วย เวรละไงตู ไม่มี Passport ทำไงดี เวลาตอนนั้นก็เกือบ 11 โมงซะด้วยสิ พี่อีกคนที่ไปด้วยก็บอกเลือกเลย "บางนากับปิ่นเกล้าไปไหน ไปช้าคนเยอะนะ" อีกอย่างไปทำก็ได้เลข Passport เลย เวลานั้นตัดสินใจยากมากเพราะมันไกลจากลาดพร้าวทั้งสองที่เลย ตอนนั้นเองพี่ๆ ที่ออฟฟิศจะออกไปพบลูกค้าที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะพอดี ก็เลยขอเกาะรถพี่เค้าไปด้วย (ขอบคุณอย่างแรงมา ณ ที่นี้นะครับ) ก็เลยเสี่ยงดวงไปละกัน ไปรอก็รอ (ก่อนหน้าได้ยินกิตติศัพท์เรื่องการทำ Passport มาว่าคนเยอะ รอนานมาก บลาๆๆ ก็เลยทำใจล่วงหน้าไว้ละ) พี่ Co-Project ก็ให้เตรียมเอกสารพวกสำเนาทะเบียนบ้านกับสำเนาบัตรประชาชนไปด้วย ก็หยิบไป

ที่อยู่กรมการกงสุล
ตัดภาพไปตอนที่อยู่หน้ากรมการกงสุล ณ เวลา 12.20 น. ไปแบบงงๆ (คนมันไม่เคยนี่หว่า -//-) (อย่าไปที่ศูนย์ราชการนะครับ เค้าทำ Passport เฉพาะข้าราชการกับหมู่คณะเท่านั้น ทำคนเดียวให้มาที่กรมการกงสุลนะจ๊ะ) ก็เข้าไปรับบัตรคิวก่อน เค้าก็ขอบัตรประชาชนไป ก็ได้บัตรคิวกับเอกสารที่ต้องกรอกมา 1 ใบ ตอนนั้นคิวที่ 950 กว่าๆ เราได้ 1004 ตอนนั้นก็คิดว่า บ่ายละมั้งกว่าจะได้ทำ ปรากฎว่าคิวมันไหลแบบพรวดๆ เลย เพราะคิวผมถึงประมาณ 12.35 น. เค้าก็ตรวจเอกสารหน้าห้องแล้วก็ให้ไปวัดส่วนสูงแล้วก็เข้าช่องไปทำเรื่องต่อ ตอนนั้นพวกเอกสารกับความพร้อมนี่เต็มที่นะ แต่หน้าโคตรไม่พร้อมอะ หัวฟูๆ หนวดเฟิ้มๆ เห็นหน้าตัวเองบน Passport ก็แบบ.... orz (พี่คนทำเอกสารยังบอกเลย ภาพเป็นขาวดำนะคะ ไม่ต้องห่วง ฮืออ) ระหว่างทำเอกสารเค้าก็ไม่เอาเอกสารอะไรที่เราเอาไปเลย ฉะนั้น ใครจะไปทำ ไม่ต้องเอาเอกสารอะไรไปนะครับ เค้าลิ้งค์ข้อมูลจากบัตรประชาชนเราหมดแล้ว (กว่าจะหมดยุคการทำสำเนาเอกสารนี่นะ -*-) ก็ถ่ายรูป สแกนนิ้วกันไปตามระเบียบ พอเสร็จก็ไปจ่ายตัง ค่าทำ 1000 บาท อันนี้เฉพาะค่าธรรมเนียมที่ทำ Passport นะ ถ้าจะมารับเองก็รอ 2-3 วันมาเอาที่กรมการกงสุลได้เลย ส่วนใครที่จะให้เค้าส่งไปที่บ้านก็เขียนที่อยู่ที่จะให้เค้าส่งไปที่หลังใบเอกสารตอนเรารับบัตรคิวอะครับ (จำไม่ได้จริงๆ ว่าไอ้ใบนั่นเค้าเรียกอะไร T-T) ก็จะส่งเอกสารมาให้ที่อยู่ที่เราระบุไว้เลย เสียค่าส่งเพิ่มอีก 40 บาท ง่ายมาก!


เบ็ดเสร็จระยะเวลาในการทำวันนั้น ไม่เกิน 30 นาทีครับ ส่วนเรื่องส่งมาบ้าน ผมไปทำวันอังคาร ได้วันเสาร์สดๆ ร้อนๆ เลย ปุ๊บปั๊บรับโชคมาก คือช่องทำที่กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะช่องเยอะมากกกก มากจริงๆ ก็เลยทำให้คิวเร็วตามไปด้วย แต่ถ้าใครจองคิวออนไลน์ไว้ในเว็บก็อาจจะเร็วขึ้นไปอีก ไม่ต้องนั่งรอเรียกคิวนั่นเอง ส่วนเอกสารนั้นไม่ต้องเอาอะไรไปเลยครับ เอาบัตรประชาชนไปใบเดียว พร้อมการแต่งตัวที่สุภาพก็พอ เพราะเค้าจะถ่ายรูปเราแปะไปที่ Passport ด้วยนั่นเอง
เว็บ FaceBlog.in.th นี่ก็เกิดขึ้นมาได้นานละ มาวันนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดี จัดงานพูดคุยกับสนุกๆ กับงาน FaceBlog Talk ครั้งที่ 1 ณ Muchroom Coworking Space ขึ้นมา ก็ผ่านพ้นไปด้วยดีครับ เจ้างานอย่างพี่เดือน (@buumoon) ก็ยิ้มแก้ฉีกกันไปสิ


รายละเอียดงานจริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากครับ เป็นงานที่คุยกันเรื่องของ Social Media ในปัจจุบันกับคนไทย ประกอบไปด้วย 3 เรื่องคือ
  • ประเด็นการขายของออนไลน์ ปัญหา เครื่องมือ และทางแก้ โดยบ้านแบน พี่แอน (@iannnnn) และ พี่โบ (@monamafia) อันนี้พูดเรื่องของ Facebook เป็นหลัก
  • ต่อมาก็เรื่อง Thaitrend โดยพี่ไอซ์ (@icez) อันนี้ก็ Twitter ล้วนๆ
  • สุดท้ายยยย ของผมเอง Google+ ไม่ใช่เมืองร้าง


ตอนแรกก็คิดเหมือนกัน จะพูดไงดี มันก็ร้างอยู่นะ (T_T) แถมข้อมูลของ Google+ เนี่ย มันน้อยแบบ 1/3 เลยนะ ข้อมูลแบบเป็นทางการจาก Google ก็แบบ... แต่ก็ต้องกู้หน้าให้ได้ ในฐานะของติ่ง Google คนหนึ่ง ก็ได้ข้อมูลมาเล่าให้ฟังเล่นๆ ตามนี้ฮะ


อ่านสไลด์แล้วคงจะงง งั้นขอเล่าเป็นข้อๆ ไปละกัน
  • Google+ ออกให้ใช้งานได้เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2554 สิริอายุได้ 3 ปีหยกๆ ถ้าสังเกตดีๆ Logo ของ Google+ ก็เปลี่ยนแทบทุกปี... (ดีนะคนไม่ค่อยเล่น เลยไม่ค่อยบ่นกัน 555+) (Slide 6)
  • Vic Gundotra อดีตหัวหน้าทีม Google+ ผู้ขับเคลื่อนให้ Google+ มีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ออกมาตลอด แต่ปัจจุบันได้ลาออกจากบริษัท Google ไปแล้ว ลูกน้องและทีมของ Google+ ก็เลยต้องสลายโต๋ไปอยู่กับทีม Android เพียบเลย (ดู Google I/O ปีนี้ก็พอจะเดาทางได้นะฮะ) (Slide 7)
  • หน้าตาและ UI ของ Google+ นี่เปลี่ยนไปตลอดเวลา ไม่รู้ว่านักพัฒนานึกคึกอะไร สังเกตได้จาก 3 ปี หน้าเว็บเปลี่ยนไปแล้ว 3 รอบ (Slide 10-14)
  • ระบบ Circle คือหัวใจสำคัญของการใช้งาน Google+ นั่นเอง หลักการก็เหมือนเล่น Twitter แต่เราต้องจับคนเหล่านั้นเข้า List ของเราเลย (Slide 15)
  • ฟีเจอร์ที่ Google ชูขึ้นมาว่าชั้นคือ Social Network ที่เลิศคือ ใส่ภาพ Animate GIF ลงไปได้ แถมขยับให้ด้วย ตอนนั้นคนก็เล่นทำมีม GIF ประเภทล้อเลียน Facebook กับ Google+ เยอะมาก (Slide 17-18)
  • อีกอย่างคือ สามารถใส่ Format ในข้อความได้ เช่นตัวหนา ขีดฆ่าหรือตัวเอียง เท่เลยแหละ แถมเวลาจะเมนชั่นหาใครก็พิมพ์ + ตามด้วยชื่อแค่นั้นเอง (Slide 19)
  • Facebook มี Group Google+ ก็มี Communities เอาสิ (อันนี้อ่านรายละเลียดเพิ่มเติมที่นี่เลย(Slide 20)
  • อีกฟีเจอร์คือ Google+ Hangouts แอปแชทที่ใช้งาน Video Call มากสุด 10 คน แถมทำถ่ายทอดสดได้อีก ซึ่งปัจจุบันนี้ก็แยกตัวเองออกมาเป็นเกือบๆ Standalone แล้ว (Slide 22)
  • พอคุณ Vic ลาออกไป ก็เลยเกิดข่าวว่า ถึงเวลาขาลงของ Google+ ตอนนั้นคนก็ยิ่งออกห่างจาก Google+ ไปอีก มันก็เลยเงียบ จนมีคนคิดว่าสุดท้ายก็น่าจะตาย (Slide 24-26)
  • ซึ่งจริงๆ มันไม่ได้ตายหรอก มันกลายเป็นเหมือนผีชีวะที่คอยหลอกหลอนไปตลอดเวลา ไม่ว่าจะใช้งานอะไรเกี่ยวกับ Google ก็ตาม เช่น Youtube หรือปุ่ม Google+ Sign in เป็นต้น (Slide 28-32)
  • ถ้าอยากใช้งานให้สนุกขึ้น ก็ใช้แอป Google+ บนมือถือคู่ไปด้วย หรือถ้าชอบถ่ายรูปแน่นอนว่าสนุกจริงๆ (Slide 33-36)
  • ซึ่งแนวทางของ Google+ ตอนนี้ คิดว่าคงจะเน้นภาพถ่ายให้มากขึ้น เพราะมันมีฟีเจอร์ Auto Awesome ที่ทำให้ภาพถ่ายสวยขึ้นและสนุกมากขึ้นนั่นเอง (Slide 38)
  • ส่วนด้านธุรกิจ ก็ยังไม่โอเคเท่าที่ควร คือมันก็ไม่ค่อยบูมเท่าไหร่แหละ แต่ก็พอใช้งานได้ ที่เห็นหลักๆ คือ Google+ Pages นั่นเอง (Slide 39-42)
  • ส่วนคนใช้ Google+ ที่ Active อยู่ก็ยังมีอยู่ แต่ก็ไม่มาก แต่ชอบผู้ใช้ที่เข้ามาสมัครที่สูงพอควร ในไทยก็ใช้แบบครึ่งต่อครึ่งเลย (Slide 43-45)
  • สุดท้าย อนาคตที่คนไทยน่าจะหันมาใช้ Google+ ก็อาจจะมี เพราะ... (Slide 47-48) ที่ใดมีการแชร์ภาพศพหรือมีโฆษณากลูต้าเข้าถึง ผมว่าตอนนี้ก็มีโอกาสแล้วหละ...

ทั้งหมดก็คือเนื้อหาในสไลด์นะครับ แต่ก็มีนอกเนื้อจากนั้นอีก จริงๆ จะพูดแต่ก็ดันลืมใส่ในสไลด์ คือเรื่อง
  • Google+ ทำ SEO ได้ง่ายมากขึ้น เช่น ถ้าผมโพสต์รูปๆ นึงแล้วใส่ข้อความเข้าไป ติดแท็กพร้อมเลือกโพสต์เป็น Public ถ้าเกิด Keyword มันตรงกับข้อความที่คนหาผ่าน Google.com มันก็จะแสดงโพสต์ของเราในหน้าการค้นหา เรียกได้ว่าไม่ต้องเสียเงินไปทำ Google Adwords ให้เสียเวลา แต่มันจะได้ผลแรงมากเมื่อผลการค้นหานั้นๆ เป็นของเพื่อนใน Circle เรานั่นเอง
  • คนไทยที่อยู่ต่างจังหวัดใช้ Google+ กันเยอะมาก เหตุผลน่าสนใจครับ พี่มาร์ค (@markpeak) สันนิษฐานว่า เพราะมือถือ Android เข้าถึงคนต่างจังหวัดเยอะ ทีนี้ Google+ เป็นแอปนึงที่ติดมากับมือถือตั้งแต่แรก ก็เลยกลายเป็นว่าคนก็ใช้ Google+ คู่กับ Social Network ตัวอื่นไปด้วยนั่นเอง
  • พี่ไอซ์ (@icez) เสริมเรื่อง Google+ Auto Backup for PC ที่เราสามารถอัพภาพของเราผ่านกล้องหรือเมมโมรี่ การ์ดเข้าไปที่ Google+ ได้แบบอัตโนมัติ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเนื้อหาที่ผมได้พูดคร่าวๆ ไปฮะ ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญมากนะ แต่ก็พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แชร์ให้คนอื่นรับรู้ได้ ส่วน Session ก่อนหน้า 2 อันคงจะอธิบายไม่ได้มาก เพราะตอนนั้นปั่นสไลด์มือหงิกอยู่ (T_T) เลยไม่มีสมาธิฟังเลย (ขอโทษค๊าบบบ)



งานดีๆ สนุกๆ แบบนี้คงจะจัดขึ้นในอนาคตอีกแน่ๆ กระแสดีเกินคาด เอาเป็นว่าถ้าทาง FaceBlog.in.th จะจัดงานแบบนี้อีก จะรีบคาบข่าวมาบอกแน่นอน ก่อนจบบล็อกนี้ ก็ขอฝากประโยคเด็ดประจำ Session ที่ว่า...


ขอบคุณภาพประกอบจาก @iamgotta และ @blognone นะค๊าบ
ภาพฝันที่จะได้เห็นภาพลักษณ์ของรายการบนทีวีดิจิตองของไทยมีพัฒนาการมากขึ้นคงจะโดนฉุดรั้งจากพวกบ้าเรทติ้งแน่ๆ ... โดยเฉพาะช่องอินฟินิตี้ตั้งตรงเนี่ย บ้าเรทติ้งอะไรขนาดนั้นครับคุ๊ณณณณณณ พักก๊อนนนนนน ผมพอเข้าใจว่าเรทติ้งคุณดีบนเคเบิ้ล/ดาวเทียม แต่นี่ทีวีดิจิตอล อ่านปากวีรยุทธอีกทีนะครับ "ที๋-วี๋-ดิ๊-จิ-ตอลลล~" ช่วยหยุดเอาคอนเทนท์รายการบั่นทอนปัญญาออกไปเหอะ อย่างเช่น


(  -__-") อะไรคือละครที่มันบิดามารดาสิ้นบั่นทอนสติสุดๆ คือพี่ท่านตั้งใจจะทำคอนเทนต์มาตีตลาดแม่บ้านกับแม่ค้าตามตลาดชัวร์ๆ แต่ขอโทษเถอะคุณ เด็กมันก็ต้องดูกับแม่ปะ ? แล้วนี่มันอาร๊ายยยยย แล้วแม่งก็เซนเซอร์นมชิสุกะ เซนเซอร์เหล้า ชีวิตต้องป๊อบเกินไปปะคุณ ทีอีพวกตบกันนัว มีคำหยาบนี่แบบ... นี่แสดงว่าไม่รับผิดชอบต่อสังคมเท่าไหร่นะครับ พูดตรงๆ กลัวไม่มีคนดูเลยหาทางเรียกเรทติ้งแบบนี้ซะเลย เหอะๆๆๆ อ้อ ฝากอีกเรื่อง เอาโลโก้บริษัทออกเถอะครับ บ้านนอก ทีวีต่างประเทศเค้าไม่มีนะครับ ช่องอื่นที่เป็นดิจิตอลตอนนี้เค้าก็ไม่ใส่กัน ทำไมครับ กลัวไม่รู้หรอว่าช่องนี้ใครทำ เหอะๆๆๆ

ส่วนคุณป้าผู้ดูแลนิตยสารเสือกเรื่องดาราครับ กรุณาทำรายการให้ตรงกับช่องหน่อย ช่องเด็กและครอบครัวแต่รายการแม่คุณแบบ... อื้อหือ เด็กมากกกกก เด็กจะโตมาแก่แดดแน่ ส่วนช่องข่าวก็มีข่าวนะ แต่ข่าวบันเทิงมาเต็ม แล้วก็มีรายการอะไรแปลกๆ เยอะไปนะครับ แล้วได้ข่าวว่าจะล้มเรทติ้งช่องฟรีทีวีเก่า โถ~ นี่หวังมากไปปะครับ ชื่อช่องนี่ก็ไม่รู้จะเปลี่ยนทำไม ไปๆ มาๆ นึกว่าชื่อช่องรายการเพลงลูกทุ่งเลยนะครับ





สุดท้ายที่อยากบ่น ช่องสามสีหนะครับ ซื้อไปซะเยอะเลยตั้ง 3 ช่อง แต่ได้ไอ้นี่มา...


คืออาร๊ายยยยยย จะดูรายการทีวีคร๊าบบบบบ เอาซีรีย์มายืดทำไมมมม เอาเพลงประกอบละครมากล่อมโลกทำไมมมมมม เอะอะบอกกลัวเจ๊ง กลัวเรทติ้งตก ก็ย้ายช่องออริจินอลมา HD สิคร๊าบบบบบ เข้าใจว่าประมูลมาคนละบริษัท แต่นี่ไม่คิดถึงอนาคตเลยปะ กะให้รายการมันหายตายจากไปเองเลยปะ เฮ้อ


ทิ้งท้ายไว้ก่อนจบละกัน ผมอยากได้ตลาดรายการใหม่ๆ เข้าใจว่ามีพ่อใหญ่อยาก WorkPoint กินเปอร์เซ็นต์รายการอยู่ แต่ถ้าทำให้รายการมันดังเหมือนที่เราไปรับคอนเทนต์เค้ามาฉายได้เนี่ย มันก็วินๆ กันทั้งหมด บริษัทผู้ผลิตดีๆ ที่อยากจะทำรายการก็ไม่ได้ทำเพราะโดนกันท่าหมด ขอร้อง หยุด! วางเรทติ้งออกก่อน แข่งกันที่คุณภาพเถอะครับ จะได้มีรายการดีๆ ที่เหมาะสมและเข้าล็อคกับช่องทั้งหมดเพื่อคนไทย เพื่อสังคมที่ดี ทีวีก็เป็นช่องทางหนึ่งที่คนรับรู้ได้ดีที่สุดของไทยนะ เข้าใจว่าอยากทำอะไรเพื่อการตลาด (ผมก็รู้ว่าการตลาดแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ทำได้ดี) แต่ก็ควรจะรับผิดชอบต่อสังคมหน่อย อย่ามาเอะอะบอกว่า หนังตบๆ ตีๆ แย่งผัวกัน มีการสอดแทรกข้อคิดนะคะ อย่า! นี่ไม่เชื่อ สุดท้ายพวกแกก็ Happy Ending ตามแบบฉบับละครไทย แล้วไหนหละข้อคิด มีแต่เสียงเชียร์พวกแกตบกันมากกว่า จะรอดูต่อไปว่าอนาคตทีวีดิจิตอลจะเป็นอย่างไรต่อไป ตอนนี้ 30 กว่าช่อง ดูอยู่ไม่กี่ช่องจริงๆ เพราะรายการเค้าดีจริง ส่วนช่องที่พูดๆ มาเนี่ย ดูนะ แต่ดูเพื่อติ จบ!!


ปล. : หยุดเอา "แรงบันดาลใจ" ของชาวบ้านมาทำรายการซักที อยากได้รายการใหม่ๆ บ้าง ... นะ

ปร. : แล้วก็หยุด!! ไอ้พวกรายการประกวดทั้งหลายแหล่เนี่ย จะประกวดอะไรนักหนา นักร้องล้นประเทศแล้วพ่อคุณ

ปว. : ส่ง SMS เนี่ย หยุดใช้ได้ละมั้ง รำคาญตา จะเอามาใช้ทำไม เปลืองตังก็เปลือง วู้!!

ขอบคุณภาพจาก : +Tatthep Deesukon และ +Plug Supakrit
จริงๆ มันไม่ได้ยุ่งอะไรขนาดนั้นนะเหตุผลเดียวที่ไม่ค่อยได้เขียนคือ... "ขี้เกียจ" แฮะๆ บางทีก็อยากจะพิมพ์แล้วก็ขี้เกี๊ยจขี้เกียจ (อย่างเอนทรี่นี้คือความว่างล้วนๆ อยากเขียน 555+) ก็ระหว่างเปลี่ยนผ่านงานตั้งแต่ต้นเดือนเมษาที่ผ่านมา อยากจะบอกว่ามันมีอะไรให้เขียนเยอะมว๊ากกกก คือเขียนได้ทุกวันอะ ไปออกงานบ้าง ทำอะไรแปลกใหม่ๆ เกี่ยวกับสายงานบ้าง เที่ยวบ้าง (เออ ขอบอกว่าเที่ยวบ่อยมาก ถึงมากที่สุด เดือนพ.ค.เที่ยวไปตั้งสามที่ 555+) แล้วก็ไม่ได้เขียน แล้วก็ลืม... เออจริง ชีวิตแม่งขี้ลืมมาก ขนาดที่ว่าเอาสายหูฟังคล้องคอไว้ กลับมาบ้านรู้ตัวว่าหายอีกทีตอนเย็น เหอะๆ คือกับบล็อกตัวเองนี่ขี้เกียจนะ แต่กับ Faceblog.in.th นี่ บ่ยั่น เขียนให้ได้ตลอด (จริงๆ หัวหน้าแก๊งดุ ขัดไม่ได้ :P) เห็นมะ ตลกตัวเองอะ ทีข่าวเขียนได้ บล็อกเขียนไม่ได้ ฮืออออ (;___;)


เอาเป็นว่า จะพยายามกลับมาเขียนบล็อกเหมือนเดิมละกัน (เธอบอกว่าอย่าพยายามอีกเลย~~) ถ้าไม่ได้อัพเป็นข้อความก็จะพยายามเอารูปมาแปะๆๆๆ ละกัน จะได้มาแชร์ประสบการณ์ใหม่ๆ บ้าง พอละ อยู่ๆ ก็ขี้เกียจ นอนดีฝ่า _(:3 」∠ )_

ปล. : เขียนเสร็จ รู้สึกว่าเอนทรี่นี้ขยะมาก พิมพ์อะไรของเอ็งวะเนี่ย สก๊อยเกิ๊น orz
ผมเป็นติ่ง Nintendo ครับ รู้จักกันมั้ย บริษัทที่ผลิตเครื่องเกมที่เด็กบนโลกไม่รู้จัก GameBoy ไงครับ นั่นแหละบริษัท Nintendo แล้วรู้จักเกม Super Mario กันมั้ย ลุงหนวดที่เก็บเห็ด เก็บไฟ มุดท่อ ทำร้ายสัตว์ด้วยการกระโดดทับทับหัวอะ Nintendo ก็เป็นผู้สร้างลุงคนนี้ขึ้นมา


ที่เกริ่นมาซะยาวเป็นนิยายเนี่ย จะบอกว่าเมื่ออาทิตย์ก่อน McDonald's ได้เอาของเล่นพรีเมี่ยมหลอกเด็ก (ที่หลอกเฒ่าทารกอย่างผมได้) มาขายพร้อมชุดแฮปปี้มีล มีหรือที่ติ่ง Nintendo อย่างผมจะไม่สนใจ


ตอนแรกรู้ข่าวผ่าน Twitter ของพี่ @sitdh เพราะเห็นพี่เค้าโพสต์รูปไว้ เห็นครั้งแรกร้องกรี๊ดเลย ต้องออกตามหาให้ได้ โดยกฎมีอยู่ว่า ซื้อชุดแฮปปี้มีล 1 ชุด (85 บาท) จะได้มา 1 ชิ้น และเมื่อบวกเงินอีก 50 บาท คุณก็จะได้เพิ่มมาอีก 1 ชิ้น ซึ่งจะมีโค้ดเนมของแต่ละตัวเป็นเลขตั้งแต่ 1-8 ตามภาพเลย


ภารกิจเริ่มขึ้นในวันที่ 20 พ.ค. มีเพื่อนร่วมภารกิจอีกหนึ่งคนคือ +Oreka Chan ผมและพี่ไปออกตามหาร้าน McDonald's ที่ใกล้ที่สุด เซนทรัลลาดพร้าวนั่นเอง ไปถึงร้านก็ตั้งหน้าตั้งตาถามหาแต่ของเล่นอย่างเดียว ไม่สนใจอาหารของพวกเจ้าเลย ก็สั่งตามปกติว่าเอาแฮปปี้มีลที่เอาของเล่นด้วย บวกเงินอีก 50 บาทเอาอีกตัวนะครับ ตอนที่ให้เลือกอาหารก็เลือกแบบส่งๆ มาก คือไม่ได้ต้องการอาหารไง (ฮ่าๆๆ) สุดท้ายก็ได้มาแล้ว ตัวที่ 1 กับ 2


ต่อมาก็ทราบเบาะแสว่า ของจะเปลี่ยนทุกๆ วันศุกร์ โดยแต่ละสาขาจะขายไม่เหมือนกัน เอาเข้าไป จะให้ยากไปไหนครับพี่โดโน่ววว ฉะนั้นพอเลยวันศุกร์มา ผมก็เลยคิดว่าของน่าจะยังเหลือแหละมั้ง วันจันทร์เลยทวีตลงไปว่าใครทราบเบาะแสตัว 3 กับ 4 แจ้งด้วยนะครับ ก็มีเพื่อนๆ ใน Twitter ที่ช่วยดูให้ @iamgotta ช่วยดูที่สาขาในเขต MRT พระราม 9 ให้  พอผมทราบว่าที่สาขาฟอร์จูนมี 3,5-8 เอสพลาหนาดมี 5-8 ดันไม่มี 4 เลยตัดสินใจว่า ไปเอา 3 แล้วก็ 5 แล้วก็ 6-7 ก่อนก็แล้วกัน เลิกงานเลยตามไปดูที่สาขาฟอร์จูนเลย เมื่อไปถึงก็ต้องงง เพราะตรงป้ายบอกหน้าร้านบอกว่ามีเบอร์ แต่พอถามจริงๆ บอกว่าเหลือแค่ 3 กับ 5 แต่ป้ายบนนั้นบอกว่ายังมี ก็เลยตั้งสินใจซื้อชุดเดียวไปก่อนละกัน เผื่อสาขาเอสพลาหนาดยังมี ได้เบอร์ 3 กับ 5 มา (ค่าเสียหาย 150 บาท) ไปถึงเอสพลาหนาด กลับบอกว่าเหลือแต่เบอร์ 3-4 ก็เลยเอา 3 กับ 5 กลับมาก่อนละกัน ช้ำใจไปตามระเบียบ นึกว่าวันนี้จะได้ครบ 1-6 เลย เฮ้อ


วันต่อมา @Martineynb, @BehemortHz, @ncpeak ก็ช่วยออกตามหาให้ ก็ไม่มีใครเจอกันซักคน แต่ละสาขาใกล้บ้านหมดเกลี้ยงเลย ยังไม่ลดละความพยายามในการตามหา @imtaiki ช่วยผมออกตามหาตั้งแต่ออกจากบ้านรังสิตยันในเมือง ซึ่งผมยังทำงานอยู่ นับถือในความพยายามของวีมากๆ ทำให้สุดท้ายวันนั้น ผมได้ของเล่นมาครบทั้ง 8 ตัวเรียบร้อย (ได้มาจากวีอีก 4 ตัว 2 สาขา) วีเล่าให้ฟังว่า พนักงานไม่ยอมให้ซื้อแฮปปี้มีลบวก 50 บาท ทำให้ทั้ง 4 ตัวเท่ากับแฮปปี้มีล 1 ชุด เบ็ดเสร็จทั้งหมด 340 บาท


สรุปภารกิจตามหาลุงหนวดและผองเพื่อน ค่าเสียหายทั้งหมด 640 บาท (ไม่รวมค่าเดินทาง) ใช้ระยะเวลาตามหาจนครบ 9 วัน ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยกันตามหาให้นะครับ โดยเฉพาะ @imtaiki ที่ช่วยตามหาให้เป็นอย่างดี ขอบคุณจากใจจริงๆ เดี๋ยวขอตัวไปจุดธูปบูชาลุงหนวดก่อนนะฮะ (-/\-)